นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ผึ้งแตกรังช่วยไม่ได้ที่มีคนเห็นต่างและไม่เชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ คนที่ผ่านประสบการณ์การเมืองมามากย่อมมองออกว่า เงินกู้ทำให้พรรคอนาคตใหม่ไม่รอดถูกยุบ เป็นเพราะกฎหมายพรรคการเมืองอยากให้พรรคสะอาด พรรคไหนสกปรกต้องหาวิธีหลบเลี่ยงให้เป็น คนเก่งแสดงความคิดเห็น แต่ไม่เคยตั้งพรรค แต่ตนในอดีตตั้งมาแล้ว 3 พรรค ในเมื่อกฎหมายเชื่อว่า เงินกู้จำนวนมากๆ เป็นเสมือนการครอบงำพรรค แบบเดียวกับที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยโดนไม่มีผิด
"เรื่อง โต๊ะจีนของพรรคอื่นๆ ผมก็เคยติงไปแล้ว แต่กฎหมายดันถือว่าเป็นการบริจาค แม้ว่าจะเป็นนายทุน ให้เพื่อหวังผล แต่กฎหมายเปิดช่องให้ทำ จะไปทำอะไรได้ ตรงกันข้ามกับเงินกู้ร่วม 200 ล้าน หากเป็นอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่คงหาไม่ได้ หรือกรรมการบริหารพรรคคนไหนก็คงไม่มีปัญญาหาได้ มีแต่คุณธนาธรเท่านั้นที่จ่ายเงินกู้ให้พรรคได้มากขนาดนี้ คุณธนาธรกับคุณทักษิณ จึงไม่ได้มีสถานะแตกต่างกันแต่อย่างใด คือ เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงแต่เพียงผู้เดียว ที่ชี้เป็นชี้ตายใครในพรรคก็ได้ แบบนี้กฎหมายไม่ต้องการ เมื่อหัวหน้าพรรคตกม้าตาย พรรคถูกยุบ กรรมการบริหารห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง เข้าสภาไม่ได้ มวลหมู่สมาชิกจึงเปรียบเสมือนผึ้งที่ถูกตีรังแตก บรรดา ส.ส. ต้องกระจัดกระจายหารังใหม่ไว้พักพิง ยากที่จะรั้งใครไว้ได้ คงต้องตัวใครตัวมัน เอาตัวรอดทางการเมืองไปก่อน ส.ส. บางคน ชาติดียวเข้าสภาได้แค่ครั้งเดียว"
นายชูวิทย์ ระบุว่า เรื่องอย่างนี้ไม่ได้เป็นสิ่งผิดแต่อย่างใด การเมืองคือการเมืองวันยันค่ำ จะเจรจาปราศรัยให้สวยหรูอย่างไร จะวาดฝันให้คนรุ่นใหม่อย่างไร เมื่อไร้ซึ่งอำนาจ ไม่มีที่ยืนในสภา ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ฝันเป็นจริงได้ การอภิปรายนอกสภา จึงเป็นเพียงแค่ลิเกหลงโรง ไร้ความหมาย พูดที่ข้างถนน หรือในหอประชุมมหาวิทยาลัย มันแตกต่างคนละเรื่องกับไปพูดในสภา ความศักดิ์สิทธิ์มันหายไป แถมพูดไม่ดีมีคดีเพิ่มอีก ไม่มีอภิสิทธิ์ ส.ส. คุ้มครองเหมือนอยู่ในสภา ทำเพื่อให้เลี้ยงกระแสไปได้เท่านั้น ผลลัพธ์หามีกระเทือนรัฐบาลไม่
"ต้องยอมรับว่าอนาคตใหม่พลาดอย่างแรง เพราะขาดประสบการณ์ พรรครัฐบาลสืบทอดอำนาจคงกระหยิ่มยิ้มย่อง หัวเราะเบาใจ แถมได้ผึ้งมาเกาะน้ำหวาน อยู่กินไปสักพัก อีกหน่อยก็ติดใจ แต่อย่างว่า จะให้มือใหม่หัดขับเพิ่งเข้าการเมืองครั้งแรก ไปเทียบกับมวลสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่เข้าออกสภาเป็นสิบๆ ปีได้อย่างไรเล่า พรรษาการเมืองมันต่างกัน ที่ตอนนี้ทำเงียบๆ ติ๋มๆ กินนิ่มๆ ทำเป็นลืมที่เคยพูดเอาไว้ไปหมดเสียแล้ว ความเขี้ยวการเมืองมันต่างกันแยะ" นายชูวิทย์ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง