ไม่พบผลการค้นหา
'ทิชา ณ นคร' ยืนยันรณรงค์ล่ารายชื่อโหวต 'ประวิตร' ลาออก หวังสร้างบรรทัดฐานสังคม ย้ำไม่ต้องการทำลายใคร ย้อนถามโจทย์อีรุงตุงนังใครเป็นคนสร้าง คนนั้นต้องรับผิดชอบ

หลังจากนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ในฐานะอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ดำเนินการล่ารายชื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกจากตำแหน่งตาม ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ change.org โดยมีรายชื่อมากกว่า 65,000 ชื่อแล้วนั้น

ล่าสุด นางทิชา เปิดเผยผ่านรายการ "Wake Up News" กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า "วันนี้อย่ารักผมคนเดียว รักรองนายกรัฐมนตรีของผมด้วย ประยุทธ์คนเดียวอยู่ไม่ได้ต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมด" ว่า ไม่ใช่คำขอร้องที่ผู้นำจะมีต่อประชาชน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบ้าน ไม่ใช่เรื่องครอบครัวเล็กๆ มันเป็นเรื่องของบ้านเมือง ต้องแยกให้ออก คำขอร้องดังกล่าวเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัวเล็กๆ ของคนไม่กี่คน ซึ่งเขาตั้งโจทย์ผิดแล้ว รัฐบาลประเมินผิดมากที่ไม่รับฟังเสียงของประชาชน แม้เสียงของประชาชนส่วนหนึ่งจะยอมรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ แต่จะให้ยอมรับพล.อ.ประวิตร คงไม่ได้แล้ว เพราะได้เลยเส้นมาไกลมากแล้ว 

ดังนั้น ตอนนี้รู้อยู่แล้วว่า เราอยู่ภายใต้รังสีอะไร ก็คงไม่บุ่มบ่าม แต่วิธีที่ไม่บุ่มบ่ามจะทำอย่างไร ที่จะส่งสัญญาณไปให้เห็นว่ามันมีพลังที่จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องการทำลายใครทั้งสิ้น และที่สำคัญคือต้องสร้างบรรทัดฐานขึ้นมาด้วย ไม่ว่าจะหน้าตาอย่างพล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร หรือหน้าตาแบบที่ผ่านมาในนามการเมืองใดก็แล้วแต่ เมื่อคุณทำในสิ่งที่ขัดกับจริยธรรมอย่างร้ายแรง จริงๆ แล้วคุณต้องลาออกด้วยซ้ำไป เราพยายามจะสร้างบรรทัดฐานขึ้นมา โดยที่ไม่ได้สนใจว่ามันหน้าตาไหนกัน แต่มันควรจะเป็นบรรทัดฐานของสังคม ซึ่งตรงนี้ ถ้าคนที่อยู่ในการเมืองยังไม่เข้าใจ คนที่อยู่ในวงการทหาร ซึ่งจะมาเป็นการเมืองก็ยังไม่เข้าใจอีก ย่อมจะพาประเทศไปไม่รอด 

"เราไม่ได้ไล่เพราะคุณชื่อประวิตร เราไม่ได้ไม่ต้องการคุณเพราะคุณชื่อประยุทธ์ แต่ว่าพฤติกรรมของคุณในฐานะที่เป็นผู้นำบ้าน นำเมือง มันไม่ใช่แล้ว มันต้องแยกให้ออก มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันไม่ใช่เรื่องที่คุณทำอะไรในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง ในครอบครัวของคุณ มันไม่ใช่ประเด็นนั้น" นางทิชา กล่าว

สำหรับกรณีที่มีผู้แสดงความไม่มั่นใจ หากพล.อ.ประวิตรไม่อยู่นั้น นางทิชา กล่าวว่า ต้องถามว่าโจทย์อีรุงตุงนัง ใครเป็นคนสร้าง คุณต้องรับผิดชอบ เพราะเรากำลังพูดถึงผู้นำ เราไม่ได้พูดถึง นาย ก. นาย ข. โจทย์ทั้งหมดคุณเป็นคนสร้างเอง คุณดูแคลนประชาชนตั้งแต่เรื่องเช่าเครื่องบินเหมาลำ นักเรียนเตรียมทหารเมย นาฬิกา คุณพูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระ เหมือนกับประชาชนเป็นหัวหลักหัวตอ คุณผูกโจทย์นี้ขึ้นมาเอง ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย ถ้าเรายอมรับว่าเรามีความคิดที่แตกต่างกันได้ ก็ไม่เป็นไร ก็ถูกด่าเยอะแยะไป ก็ด่ากันไป อยู่กันไป แต่จะให้อยู่เฉยๆ โดยที่ ให้เขาเหยียบหัวไปมา มันไม่ใช่นิสัยแล้ว

นางทิชา กล่าวว่า คนที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอาจจะมีอยู่หลายแบบ คนกลุ่มหนึ่งเป้าหมายของเขาคือการเมือง การมีอำนาจในทางการเมือง คนแบบนี้เส้นทางการเดินของเขาจะประมาณนี้ คือประนีประนอมกับอำนาจ เพื่อหวังการเข้าไปนั่งอยู่ในศูนย์กลางของอำนาจ การตัดสินใจเดิน ก็จะเห็นรูปแบบตั้งแต่วันนี้ ก็ไม่ต้องใส่ใจ แต่ส่วนตัวดิฉันไม่ได้มีเป้าหมายที่จะไปอยู่ในศูนย์กลางแห่งอำนาจ ดังนั้นเราก็พร้อมที่จะเปลืองตัว เพราะเราก็ถูกตัดสินไปแล้ว ก็ไม่เป็นไร มันเป็นวิถีปกติที่เราเห็นต่างกันได้

อย่างไรก็ตาม จำนวนรายชื่อกว่า 65,000รายชื่อ หากเปรียบเทียบกับสัดส่วนของประชาชน อาจเทียบกันไม่ได้ แต่หากย้อนกลับไปรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กำหนดรายชื่อไว้ 50,000 รายชื่อ ในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีพฤติกรรมทุจริต มีพฤติกรรมขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรง แปลว่ารายชื่อ 50,000 รายชื่อนั้น ถูกคัดกรองแล้วในช่วงที่มีการร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ สสร. ว่าเป็นพลังอำนาจของประชาชนได้จริง แต่เมื่อไม่มีกติกานั้นแล้ว มันก็อาจไม่มีผลทางกฎหมายนั้นจริง แต่เชื่อว่ามันยังมีผล และมีอำนาจในการต่อรอง ซึ่งเราคงไม่ได้จบแค่ตรงนี้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร บางเรื่องต้องพูดคุยให้ชัดก่อน 

"ดิฉันเชื่อว่ารายชื่อทั้งหมดนี้ที่ไม่ได้มีใครบังคับให้เขาลง ถ้าผู้นำนั้นมีภาวะของผู้นำจริงๆเขาจะรู้ว่ารายชื่อเหล่านี้ มีความหมายในทางการเมือง มีความหมายต่อความมั่นคงของประเทศจริงๆ ดิฉันยังเชื่อแบบนี้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการออกมา ดิฉันไม่ได้หวังอะไร ยกเว้นว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่านี้" นางทิชา กล่าว