เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ (13 ส.ค. 2561) ได้มีมวลน้ำจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไหลลงพื้นที่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกในพื้นที่ตำบลหินตั้งและสาริกา โดยมวลน้ำนั้นได้ไหลลงมายังน้ำตกนางรอง และน้ำตกวังตะไคร้ ส่งผลให้ปริมาณน้ำเพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความรุนแรง ขณะที่ผู้ประกอบการได้สั่งห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำและขึ้นมาอยู่ด้านบนในพื้นที่ที่ปลอดภัย
ขณะเดียวกันได้มีประชาชนถ่ายทอดสดเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือเฟซบุ๊กไลฟ์ หลังจากที่มีมวลน้ำไหลเข้าพื้นที่ 'สีดารีสอร์ท' จนเกือบถึงสะพาน และมีความรุนแรงมาก ขณะเดียวกันได้มีการแจ้งว่ามีบุคคลสูญหาย แต่เบื้องต้นได้ทำการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่เข้าใจว่าสูญหายนั้นได้ติดเกาะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง และยังปลอดภัย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังให้การช่วยเหลือ
ส่วนพื้นที่อุทยานน้ำตกนางรองด้านหน้า ที่มีปริมาณน้ำท่วมสูงและมีความรุนแรงตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น.เป็นต้นมา เริ่มลดระดับลงอย่างต่อเนื่องในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
ขณะเดียวกัน นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ์ ผอ.สอช.สอบ1 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้ลงพื้นที่สำรวจ พร้อมระบุว่า ปริมาณน้ำฝนสะสมตั้งแต่เขาใหญ่ ตั้งแต่ช่วงเขาเขียวไปจนถึงผาตะแบก อยู่ที่ 140-150 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ามีปริมาณฝนตกหนักมาก ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก
นายวิชัยคาดว่าปริมาณน้ำบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตั้งแต่วันแม่ (12 ส.ค.) ที่ผ่านมา เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากกว่าปกติ และสถานการณ์น้ำในวันนี้ถือว่ามากที่สุดในรอบ 10 ปี
รองนายกฯ กำชับเจ้าหน้าที่ช่วยผู้ประสบอุทกภัยต่อเนื่อง
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองในแต่ละพื้นที่ ที่ร่วมกันทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 31 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวนถึง 48,947 ครัวเรือน อย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา โดยขอให้ทุกเหล่าทัพ กำชับหน่วยทหารในพื้นที่ ให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคใต้ตอนบน จำนวน 9 จังหวัด ที่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วม
นอกจากนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ร่วมเป็นกำลังใจและเข้าไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ขั้นต้นแก่ประชาชนที่เดือดร้อนให้ทั่วถึงและต่อเนื่อง อย่าให้ถูกตัดขาด ทั้งเสบียงอาหารและเวชภัณฑ์. สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ขอให้ดำรงความต่อเนื่องในการสนับสนุนศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในการช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎร เส้นทางคมนาคมและระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว
โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้หน่วยทหารทุกเหล่าทัพอยู่ในแต่ละพื้นที่ 31 จังหวัดทั่วประเทศ และยังทำงานร่วมกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในการคงความต่อเนื่องให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยสนับสนุนและร่วมกันติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เรือผลักดันน้ำ และใช้เครื่องจักรเปิดเส้นทางเร่งระบายน้ำ การจัดทำแนวกั้นน้ำ การนำเรือท้องแบบสนับสนุนถุงยังชีพ การจัดยานพาหนะสนับสนุนการสัญจร การใช้เครื่องมือช่างเปิดเส้นทางคมนาคม การจัดชุดแพทย์สนามเคลื่อนที่ การสนับสนุนกำลังพลขนย้ายผู้สูงอายุและสิ่งของขึ้นที่สูง รวมทั้งการสนับสนุนรถครัวสนามและรถประปาสนาม เป็นต้น โดยทหารยังคงสนับสนุนอยู่ในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์อุทกภัยจะคลี่คลาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: