ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 รอบสุดท้าย 40 คน แต่งกายชุดไทยด้วยเสื้อลูกไม้สีขาว และนุ่งผ้าซิ่น สักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร, กราบสักการะพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง, และกราบสักการะพระพุทธเทวปฏิมากร และพระพุทธไสยาส ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ท่ามกลางความสนใจของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งในมุมมองของพวกเธอความงามอย่างไทยในยุคดิจิทัล ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์เท่านั้น
'วอยซ์ ออนไลน์' คุยกับ 'เอิงเอย - ทพญ. วรรณพร มรรคดวงแก้ว' ผู้เข้าประกวดหมายเลข 15 ปัจจุบันประกอบอาชีพทันตแพทย์ มองว่า การไหว้พระขอพร หรือสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นความเชื่อของคนไทย ที่มาพร้อมกับวัฒนธรรม และพุทธศาสนา แม้จะอยู่ในยุคดิจิทัล แต่เราก็ยังต้องการที่พึ่งทางจิตใจ และไม่จำเป็นต้องทิ้งรากเหง้าทางวัฒนธรรม ตรงกันข้าม เราสามารถใช้เทคโนโลยีในยุคดิจิทัล เผยแพร่วัฒนธรรมที่เราภาคภูมิใจให้แพร่หลายไปทั่วโลกได้อีกด้วย
(เอิงเอย - ทพญ. วรรณพร มรรคดวงแก้ว)
'คิตตี้ - วธูสิริ ใจกลาง' ผู้เข้าประกวดหมายเลข 24 ดีกรีนางสาวเชียงใหม่ เผยว่า ความงามอย่างไทย คือ การเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีน้ำใจไมตรีต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เช่น ชาวจีนที่นิยมมาท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดเชียงใหม่ แม้บางครั้งพวกเขาจะปฏิบัติตนไม่ถูกต้องตามวัฒนธรรมไทย แต่ชาวไทยต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ให้การต้อนรับ และให้ข้อมูลกับนักท่องเที่ยว เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคือรายได้หลักของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้กับกลุ่มคนที่สนใจ หรือหากคิดในมุมกลับกัน เวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศ เราก็ไม่รู้วัฒนธรรมหรือการปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกาลเทศะ ก็ต้องการคำแนะนำจากเจ้าบ้านเช่นกัน
(คิตตี้ - วธูสิริ ใจกลาง)
'วีนา - ปวีนา ซิงห์' ผู้เข้าประกวดหมายเลข 14 สาวไทย เชื้อสายอินเดีย เล่าประสบการณ์ตรงว่า ชุมชนที่เธอรู้จักมีชาวไทยเชื้อสายต่างๆ อาศัยอยู่มากมาย เช่น จีน อินเดีย หรือฝรั่งเศส แต่ทุกคนก็อยู่ร่วมกันได้กับชาวไทย เชื้อชาติไทย อย่างไม่มีความขัดแย้ง สะท้อนให้เห็นการเปิดรับความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่พระมหากษัตริย์ทรงเปิดกว้าง ยอมรับการเข้ามาของชาวต่างชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้เธอกล้าพูดได้เต็มปากว่า เมืองไทยคือประเทศหนึ่งที่น่าอยู่ที่สุดในโลก
(วีนา - ปวีนา ซิงห์)
'นิต้า - อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์' ผู้เข้าประกวดหมายเลข 9 นักแสดง กล่าวว่า วัฒนธรรมประเพณีของประเทศไทย เช่น การแต่งกาย และภาษา เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา นางงามไทยในยุคโลกาภิวัตน์ ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคมเช่นกัน ยกตัวอย่าง การแต่งกายของเธอที่ใส่เสื้อผ้าไหมอิตาลี กับผ้าซิ่นจากโคราช สร้างความลงตัวระหว่างไทยกับสากล และผสมผสานความเป็นตัวตนทำให้เธอมั่นใจในตัวเอง เช่นเดียวกับ 'นุ๊ก - ฐิตารีย์ เกษร' ผู้เข้าประกวดหมายเลข 10 นักศึกษาสาขาออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บอกว่า ลวดลาย สีสัน และวัสดุที่ใช้ทอซิ่นแต่ละผืนแตกต่างกัน บ่งบอกวิถีชีวิตของชาวไทยในแต่ละภูมิภาค ส่วนตัวเป็นคนชอบสไตล์คลาสสิก เธอเลือกซิ่นสีเทากับลายเรียบๆ ซึ่งซิ่นแต่ละผืนจะแสดงอัตลกัษณ์ของผู้สวมใส่ รวมทั้งการนุ่งที่แตกต่างกัน ก็จะทำให้สไตล์การแต่งกายเปลี่ยนไปด้วย ส่วนตัวเธอมองว่าการนุ่งซิ่นไม่ใช่เรื่องโบราณ แต่มันคือเสน่ห์ของความเป็นไทยในยุคดิจิทัล
(นิต้า - อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์ และ นุ๊ก - ฐิตารีย์ เกษร)
หลังจากนนี้สาวงามทั้ง 40 คนจะต้องประกวดรอบชุดว่ายน้ำในวันที่ 15 มิ.ย. ก่อนจะเดินทางไปเก็บตัวและถ่ายทำวีทีอาร์ที่จังหวัดกระบี่ในวันที่ 20-27 มิ.ย. และประกวดในรอบตัดสินในวันที่ 30 มิ.ย. นี้
โดยผู้ชนะจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 บนเวทีโลก และรองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดมิสเอิร์ธ 2018
ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 รอบสุดท้าย สักการะศาลหลักเมือง.
ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 รอบสุดท้าย เข้าเยี่ยมชมและฟังธรรมภายในพระอุโบสถ วัดโพธิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :