หลังคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มาตรา 44 ให้พรรคการเมืองเริ่มทำธุรการทางการเมืองได้
นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า คำสั่งมาตรา 44 ที่ออกมานี้ ไม่ถึงกับรีเซ็ตโดยตรง แต่ถ้าสมาชิกพรรคไม่มายืนยันความเป็นสมาชิกภายใน 30 วัน และจ่ายค่าสมาชิกตามที่มาตรา 44 กำหนด จะพ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค จะมีผลกระทบต่อพรรคที่มีสมาชิกมากๆ ทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย อาจทำให้เวลาที่กำหนดไว้สั้นเกินไปที่สมาชิกจำนวนมากซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศไม่ทราบข้อมูล อีกทั้งการจะให้พรรคติดต่อข้อมูลไปยังสมาชิกในช่วงเวลาสั้นๆ ก็อาจไม่ทันและทำให้จำนวนสมาชิกพรรคลดน้อยลงได้
แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด แต่สิ่งที่ควรทำคือควรปลดล็อกให้พรรคการเมืองได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ทันทีโดยไม่มีข้อจำกัด แต่ควรเป็นสภาพการเมืองปกติเพราะพรรคการเมืองถูกห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองมากว่า 3 ปีแล้ว สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การไปขยายเวลาหรือปลดล็อกให้ทำเรื่องธุรการบางเรื่อง
แต่ควรเป็นการปลดล็อกทั้งหมดเพื่อให้พรรคการเมืองได้ทำเรื่องเตรียมนโยบาย ซึ่งต้องพบประชาชน รับฟังความเห็นจากกลุ่มต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่สามารถทำได้ตามคำสั่งนี้และเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ระบุอยากให้ทุกคนเข้าสู่กระบวนการปรองดอง สร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แต่จะเริ่มต้นได้ไม่ดีเท่าที่ควรถ้าพรรคการเมืองซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้
นายนพดล กล่าวว่า ไม่อยากให้ใช้เหตุผลของการไม่ปลดล็อกจากฝ่ายความมั่นคงที่อ้างว่ายังมีความเคลื่อนไหวอยู่ ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีใครที่จะเคลื่อนไหวแล้วกระทบเสถียรภาพของรัฐบาลเพราะกลไกของคสช.และรัฐบาลมีเต็มพื้นที่ นักการเมืองคนไหนกระดิกตัวก็สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นไม่ควรอ้างเหตุผลของความมั่นคงมาเป็นเงื่อนไขในการไม่ปลดล็อก ทั้งนี้ยิ่งบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติเร็วเท่าไรยิ่งเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายและทุกคน