ไม่พบผลการค้นหา
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร แถลงต่อสื่อมวลชนที่บริเวณหน้าบ้านหมายเลข 10 ถนนดาวนิง เพื่ออำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกทั้งขอร้องให้สมาชิกพรรคอนุรักษนิยมให้การสนับสนุน ลิซ ทรัสส์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรคนต่อไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ในการบริหารประเทศขณะ “ช่วงเวลาอันยากลำบาก”

จอห์นสันจะเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ปราสาทบัลมอรัลในสกอตแลนด์ เพื่อกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และเขาจะส่งต่ออำนาจของตนไปยังทรัสส์ ซึ่งจะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ก่อนที่ทรัสส์จะขึ้นพูดปราศรัยในฐานะนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เพื่อเริ่มงานในตำแหน่งใหม่ของเธอ

ทรัสส์จะกลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของสหราชอาณาจักร และเธอจะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นใหม่ เพื่อทำการบริหารประเทศต่อไป การขึ้นสู่อำนาจของทรัสส์ได้รับเลือกผ่านสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมทั้งประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 ก.ย.) อันจะเป็นการปิดบทสุดท้ายของจอห์นสันในฐานะผู้นำประเทศ ในช่วงเวลาไม่ถึง 3 ปี หลังจากพรรคอนุรักษนิยมชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562

ทรัสส์จะเข้ามาบริหารประเทศ ท่ามกลางวิกฤตที่จะเข้ามาท้าทายเธอ ตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเธอรับปากในตอนหาเสียงกับสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมว่า ตนจะทำการจัดการกับราคาพลังงาน เช่นเดียวกันกับการลดภาษี เพื่อหวังจะรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอย มีการคาดการณ์ว่าทรัสส์จะแช่แข็งร่างกฎหมายพลังงาน แต่รายละเอียดในเชิงนโยบายยังคงไม่มีการแถลงออกมาแต่อย่างใด

ในการแถลงอำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจอห์นสัน ว่าที่อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรระบุว่า ความท้าทายที่สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญ อาจเป็นลางร้ายต่อทรัสส์เมื่อเธอเข้ารับตำแหน่ง โดยจอห์นสันยอมรับว่าช่วงขณะนี้เป็น “ช่วงเวลาที่ยากลำบากในทางเศรษฐกิจ”

“นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับครอบครัวต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ” จอห์นสันกล่าว “เราทำได้ เราจะผ่านมันไปได้ และเราจะแข็งแกร่งขึ้นในอีกด้านหนึ่ง” จอห์นสันย้ำ ก่อนที่เขาจะหันหน้าไปหาสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมที่มายืนรอฟัง ซึ่งหมายรวมถึงกลุ่มที่ล้มอำนาจจอห์นสันด้วยการลาออกจากตำแหน่งว่า “ถึงเวลาที่เรื่องการเมืองจะต้องจบลงแล้ว ทุกคน”

“ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องเข้ามาหนุนหลัง ลิซ ทรัสส์ และทีมของเธอ และโครงการของเธอ และส่งมอบมันให้กับผู้คนในประเทศนี้” จอห์นสันกล่าว “นั่นคือสิ่งที่ประเทศนี้ต้องการ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ” ทั้งนี้ จอห์นสันได้กล่าวยกย่องทีมงานของตนเองในรัฐบาลของตนว่า พวกเขาคือคนที่ “ทำเบร็กซิทสำเร็จ” ส่งมอบ “วัคซีนที่เริ่มฉีดได้เร็วที่สุดในยุโรป” และ “จัดการจัดหาอาวุธให้กับยูเครนในทันที”

จอห์นสันเปรียบเทียบตนเองเป็น “หนึ่งในจรวดบูสเตอร์เหล่านั้น” ที่ “ทำหน้าที่ของมันได้สำเร็จ” เพื่อวางภาพอนาคตในทางการเมืองของตนเอง “ผมจะกลับเข้าไปในชั้นบรรยากาศอย่างนุ่มนวลและกระเด็นลงมาอย่างมองไม่เห็นในมุมที่ห่างไกลและคลุมเครือของมหาสมุทรแปซิฟิก” จอห์นสันกล่าวเป็นนัยว่าตนจะยังคงวนเวียนอยู่กับการเมืองสหราชอาณาจักร 

จอห์นสันยังเปรียบเทียบตนเองว่าเป็นเหมือนซินซินนาทัส รัฐบุรุษและผู้นำทางทหารของโรมันในอดีต ที่เคยต่อสู้กับผู้รุกรานก่อนที่จะกลับไปที่ฟาร์มของเขาเมื่อสงครามจบลง อย่างไรก็ดี จอห์นสันไม่ได้กล่าวต่อสาธารณชนว่าเขาจะทำอะไรต่อ หลังจากออกจากตำแหน่ง แต่มีการคาดเดาว่าเขาจะยังคงเป็น ส.ส. ในพื้นที่เขตอักซ์บริดจ์ และเขตเซาท์ รุยสลิป ของตนเองต่อไป

การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจอห์นสัน เต็มไปด้วยความขัดแย้งกันภายในพรรคอนุรักษนิยม และมันค่อยๆ สร้างแรงกดดันในทางการเมืองและความไม่พอใจของคนในพรรคต่อเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แม้จอห์นสันจะรอดมติไม่ไว้วางใจจากพรรค จากกรณีอื้อฉาวการจัดฉลองปาร์ตี้ท่ามกลางสถานการณ์การล็อกดาวน์จากการระบาดโควิด-19 ที่รุนแรง แต่ ส.ส.สมาชิกพรรคตลอดจนคณะรัฐมนตรีหลายคน ยังคงมีความประสงค์จะให้เขาลงจากอำนาจให้ได้

การล้มลงจากอำนาจของจอห์นสัน เกิดขึ้นเมื่อมีการทรยศต่อตัวเขา หลังจากที่ในเดือน ก.ค. ที่คณะรัฐมนตรี ตลอดจนคณะทำงานของรัฐบาลกว่าหลายสิบคน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเพื่อกดดันให้จอห์นสันต้องลาออก ทำให้จอห์นสันสูญเสียความไว้วางใจจากพรรค จนต้องประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม เปิดทางให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ก่อนที่ทรัสส์จะคว้าคะแนนชนะ ริชี ซูนัค ไปที่ 57% และกลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของสหราชอาณาจักรคนล่าสุด


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/uk-politics-62805261?fbclid=IwAR2LGcN2EQcM2gSUsb1pos9824MNXIVlbDNFglIOPFU536KgZ56nHmN5834