การพบกันระหว่างผู้นำเผด็จการทั้ง 2 คนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ กำลังเกิดการแบ่งแยกที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ การเดินทางเยือนจีนของปูตินในครั้งนี้ เป็นการเยือนจีนครั้งแรกหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 3 สัปดาห์ หลังจากการพบกันครั้งสุดท้ายของปูตินกับสีเมื่อปี 2565 ในกรุงปักกิ่ง ณ การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ในขณะที่การพบกันของทั้งสองในครั้งนี้ เป็นการพบกันท่ามกลางสงครามของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่อาจลุกลามไปสู่ความขัดแย้งในวงกว้าง ซึ่งเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ทั้งทางการจีนและรัสเซียต่างวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของอิสราเอล และเรียกร้องให้มีการหยุดยิงเกิดขึ้น ด้วยความพยายามครั้งล่าสุดของมหาอำนาจทั้งสอง ในการยกระดับความเป็นผู้นำทางเลือกของพวกเขาให้เหนือกว่าสหรัฐฯ ซึ่งยืนยันถึงสิทธิที่อิสราเอลกำลังดำเนินการโจมตีฉนวนกาซาเพื่อตอบโต้กลุ่มฮามาส นอกจากนี้ การประชุมของสีกับปูตินยังมีขึ้น ในขณะที่มีการยืนยันว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินทางไปเยือนอิสราเอลในวันพุธนี้ (18 ต.ค.) เพื่อแสดงการสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล และแสดงคำเตือนต่อชาติอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
สีและปูตินมีแนวโน้มที่จะหารือกัน เกี่ยวกับสถานการณ์ในอิสราเอลกับฉนวนกาซา ระหว่างการประชุมในสัปดาห์นี้ที่กรุงปักกิ่ง หลังจากที่ปูตินเดินทางมาถึงจีนเมื่อช่วงเช้าวันอังคาร ในฐานะแขกผู้มีเกียรติที่ฟอรัมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นการเดินทางไปเยือนต่างประเทศที่เกิดขึ้นได้ยากเป็นพิเศษ สำหรับปูตินที่ถูกประชาคมโลกโดดเดี่ยวทางการทูต
ประมุขแห่งรัฐ ตัวแทน และคณะผู้แทนจากกว่า 140 ประเทศ คาดว่าจะเข้าร่วมการประชุมทางการทูตที่สำคัญของจีนในครั้งนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันอังคาร อันเป็นวันครบรอบ 10 ปีนับตั้งแต่จีนเริ่มการขับเคลื่อนการระดมทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของสี และยังเป็นโอกาสในการนำเสนอผู้นำจีน ต่อโครงการที่มีความทะเยอทะยานระดับโลกของรัฐบาลจีน
มีการคาดการณ์ว่ารัสเซียกำลังเตรียมการ เพื่อจัดทำมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิง โดยไม่เอ่ยถึงชื่อกลุ่มฮามาส ทั้งนี้ ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวเมื่อวันศุกร์ (13 ต.ค.) โดยเปรียบเทียบระหว่างการยิงถล่มฉนวนกาซาโดยอิสราเอลวันแล้ววันเล่า กับเหตุการณ์การล้อมถล่มเลนินกราดอย่างโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ในทางตรงกันข้าม ไบเดนกล่าวถึงการโจมตีของกลุ่มฮามาส ว่าเป็นการสังหารหมู่ชาวยิวที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวโดยนาซีเยอรมนี ในขณะที่จีนกล่าวว่าพวกเขาจะส่งทูตไปยังตะวันออกกลาง เพื่อสนับสนุนการเจรจา และประณาม “การกระทำทั้งหมดที่เป็นอันตรายต่อพลเรือน” โดยไม่มีการประณามกลุ่มฮามาสอย่างชัดเจนในแถลงการณ์ นอกจากนี้ หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่าการกระทำของอิสราเอล “อยู่นอกเหนือขอบเขตของการป้องกันตัวเอง”
แถลงการณ์ของจีนและรัสเซีย มีจุดยืนที่อยู่ตรงกันข้ามกับสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ถึงการสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขัน และมีการส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ ไม่รู้สึกว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการหยุดยิง ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าสีและปูตินจะหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งนี้ ในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งประเด็นสงครามของรัสเซียในยูเครนมีแนวโน้มที่จะถูกนำมาพูดคุยด้วยเช่นกัน
ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของจีนก่อนเริ่มการประชุม ปูตินกล่าวยกย่องสีว่าเป็นผู้ที่มีความ “มั่นคง สงบ ปฏิบัติได้จริง และเชื่อถือได้ เป็นผู้นำระดับโลกอย่างแท้จริง” และยังได้กล่าวยกย่อง “แนวทางที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ในการมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ” ที่ ไม่ได้แสดงการบังคับหรือการบีบบังคับ แต่เป็นการให้โอกาสต่อผู้อื่นมากกว่า
ผู้นำจีนและรัสเซียยังมักกล่าวถึงมิตรภาพอันใกล้ชิดของพวกเขา ซึ่งเขาทั้งสองเคยพบหน้ากันมาแล้วกว่า 40 ครั้งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงการพบหน้ากัน 2 ครั้ง นับตั้งแต่สงครามในยูเครนเริ่มต้นขึ้น ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุมครั้งก่อนที่กรุงปักกิ่ง สีและปูตินได้ออกแถลงการณ์ร่วมความยาว 5,000 คำ ที่ประกาศความเป็นหุ้นส่วนที่ “ไม่มีขีดจำกัด” และเน้นย้ำถึงแนวร่วมที่ลึกซึ้งเพื่อต้านทานอำนาจจากชาติตะวันตก
ที่มา: