สำนักสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ไม่ได้ออกมาระบุถึงเหตุผล ในการเลื่อนการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ดี การเลื่อนการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจเป็นเหตุการณ์ที่ “แทบจะไม่เกิดเลย” โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอ่อนแอของจีน ในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก
อย่างไรก็ดี จ้าวเฉินซิน รองหัวหน้าคณะกรรมาธิการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ระบุเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศตนนั้นมี “เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสที่ 3” ก่อนที่จ้าวจะย้ำกับสื่อมวลชนว่า “เศรษฐกิจจีนในระดับโลกยังคงไปได้สวยอย่างเห็นได้ชัด ราคาผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ตรงกันข้ามกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงทั่วโลก และการจ้างงานทั่วไปยังคงทรงตัว”
ตามกำหนดการของ NBS ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งจะมีการตีพิมพ์เปิดเผยดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัว ในช่วงวันนี้ (18 ต.ค.) รวมถึงการเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 3 ถูก “เลื่อน” ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดย NBS ยังไม่เปิดเผยว่า ตัวเลขทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในวันใด นอกจากนี้ NBS ยังคงไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ เพิ่มเติม
ปูชาน ดูตต์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัย INSEAD ระบุกับ BBC ว่า ความล่าช้าในการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนเป็น “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก” เนื่องจากรัฐบาลจีนเปิดเผยข้อมูลตามกำหนดการตลอดช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 มาโดยตลอด “สิ่งเดียวที่ผมเดาได้คือ ตัวเลขเหล่านี้ไม่ค่อยดีนัก และมันจะไม่นำไปสู่เป้าประสงค์ในการเพิ่มขนาดเศรษฐกิจจีนเป็นสองเท่า ในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีสีเคยประกาศเอาไว้” ดูตต์ระบุ
ในขณะเดียวกัน ต้านหวัง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารฮั่งเส็งของจีนเชื่อว่า “ความล่าช้าอาจจะไม่ใช่ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังเสมอไป” เธอระบุเสริมว่า “ขั้นตอนปกติในการนำออกจากระบบของข้อมูลเหล่านั้นอาจสะดุดหยุดลง เนื่องจากการใช้มาตรการของผู้นำระดับสูงทั้งหมดระหว่างการระบาดใหญ่”
สียังได้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า ตนจะยังไม่ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจของจีน พบกับความชะงักงันอย่างรุนแรง สืบเนื่องจากการสั่งล็อกดาวน์และปิดพรมแดนประเทศอย่างเด็ดขาด
ตัวเลข GDP ใช้เพื่อการวัดขนาดทางเศรษฐกิจ โดยนักเศรษฐศาสตร์และธนาคารกลางจะจับตาการขยายตัวหรือหดตัวของเศรษฐกิจ เพื่อวัดว่าเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ มีประสิทธิภาพที่ดีหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ จีนได้ออกมาระบุว่า ตนอาจพลาดเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปีที่ 5.5% ไป
คณะกรรมการบริหารสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์ หรือ โปลิทบูโรของจีน ไม่ได้กล่าวถึงตัวเลขเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ในการแถลงผลการประชุมนโยบายประจำไตรมาสเมื่อช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการระบุแทนว่า ทางการจีนตั้งเป้าที่จะยังคงระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจภายใต้ “พิสัยที่ปลอดภัย”
ไอริส ผาง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Greater China จากธนาคาร ING คาดว่า ข้อมูล GDP ไตรมาสที่ 3 ของจีนจะ “ไม่ได้สร้างภาพในแง่ดี” โดยเธอระบุกับ BBC อีกว่า “ความล่าช้าของข้อมูลนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลคิดว่าการประชุมพรรคครั้งที่ 20 เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศจีน และต้องการหลีกเลี่ยงข้อมูลอื่นๆ ที่อาจสร้างสัญญาณที่ผสมปนเปไปยังตลาด”
ที่มา: