น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีมีการทาบทามซื้อตัวเพื่อโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิ.ย.
โดย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เรื่องปัจจัยสำคัญคือ เรื่องงูเห่า เพราะในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญปัจจุบันเอื้อต่อการซื้องูเห่า ส่วนพรรคพลังประชารัฐเองล่าสุดได้ประกาศตั้งรัฐบาลแล้ว ทั้งที่มีเพียง 150 เสียง ส่วนฝ่ายประชาธิปไตยมีถึง 246 เสียง ซึ่งหากต้องการผ่านกฎหมายรัฐบาล ที่เป็นร่างทรงของ คสช. ต้องซื้องูเห่า ซึ่งพรรคอนาคตใหม่เอง ที่ผ่านมาก็ถูกติดต่อซื้อไปเกือบทั้งพรรค เพื่อให้เป็นงูเห่าในการสืบทอดอำนาจ พร้อมกันนี้ยืนยันพรรคอนาคตใหม่ได้พิสูจน์แล้วว่า การทำการเมืองโดยไม่ใช้เงินประสบความสำเร็จอย่างไร
ขณะที่กระบวนการของการเสนอซื้องูเห่านั้น มีหลายรูปแบบทั้งเสนอเงินหรือตำแหน่ง หรือมีการคุกคามถึงชีวิต ทั้งทางตนและทางอ้อม จึงอยากขอให้สื่อมวลชนติดตามพรรคการเมืองเหล่านี้ว่านำเงินมาจากไหน ขณะเดียวกันยังพบข้อมูลว่า กลุ่มทุนใหญ่ที่มีส่วนได้เสียกับผู้มีอำนาจ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องจึงอยากตั้งคำถามว่ามันผิดกฎหมายหรือไม่ พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าการปักธงประชาธิปไตย ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกพรรค เพื่อล้มล้างวัฒนธรรมการซื้องูเห่า และร่วมกันเร่งตั้งรัฐบาลเพื่อสะสางความทุกข์ยากของประชาชนที่ยืดเยื้อมากว่า 5 ปี
ดังนั้นหากส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จะเลือกโหวตพล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ลาออกเพื่อไปอยู่กับพรรคที่พวกเขามีอุดมการณ์เช่นเดียวกัน และพรรคอนาคตใหม่ขอสงวนสิทธิในการเปิดเผยถึงบุคคลที่ติดต่อ เพราะคำนึงความปลอดภัยของสมาชิก เพราะผู้ที่ติดต่อล้วนเป็นมีผู้ทรงอิทธิพล และคนติดต่อเป็นเพียงนายหน้า แต่บุคคลสำคัญคือบุคคลในที่แจ้งที่สุด ที่มีเหตุผลคือการสนันบสนุนการสืบทอดอำนาจ
ส่วนกรณีเรทราคานั้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้มีอำนาจต้องการสืบทอดอำนาจ ส่วนเงินก็มาจากทุนใหญ่ที่อยู่ในองคพายพ ส่วนการดำเนินการคดีผู้ที่เป็นงูเห่านั้น มีกฎหมายชัดเจน ในมาตรา 46 ของกฎหมายพรรคการเมือง ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามเรียกผลประโยชน์ มีโทษสูงสุดจำคุกและตัดสิทธิทางการเมือง
“ขอย้ำอีกครั้งว่า เงินซื้อคนจนไม่ได้เสมอไป ถ้าคนจนมีอุดมการณ์” โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ย้ำ
ส่วนเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น ทั้ง 7 พรรคฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช. ได้ลงมติเสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เป็นแคนดิดเดต ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเห็นว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ควรแสดงวิสัยทัศย์ในรัฐสภา เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศมีแนวคิดอย่างไร
(เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคอนาคตใหม่)
โดยการแถลงข่าวครั้้งนี้ 4 ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ได้เล่าถึงกระบวนการติดต่อซื้อตัว โดยนายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี เล่าว่า ได้รับการติดต่อสองครั้ง เสนอเงินเริ่มจากจำนวน 30 ล้านบาท ส่วนครั้งที่สองให้ 60 ล้านบาท
เช่นเดียวกับนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. ได้รับการติดต่อเสนอให้ 30 ล้านผ่านคนสนิท อย่างไรก็ดีตนได้ปฏิเสธไป ล่าสุดมีการเสนอให้สูงสุดจำนวน 120 ล้านบาท จึงฝากถึงคนที่ยื่นข้อเสนอชักชวนว่าประชาธิปไตยไม่สามารรประเมินค่าได้
(ฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่)
ส่วน นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น ระบุว่า หลังเลือกตั้งมีข้อเสนอว่า มีการติดต่อว่ามีผู้ใหญ่ต้องการขอพบ ในระดับรองหัวหน้าพรรค ตนจึงปฏิเสธไป ล่าสุดเสนอให้ 5 ล้านบาท หลังโหวตรับอีก 75 ล้านบาท และรับเงินเดือน เดือนละ 2 แสนบาท จึงอยากฝากผ่านสื่อถึงคนที่ติดต่อว่า การเข้าร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ ตนเข้าร่วมเพราะอดุมการณ์ที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย
นายทองแดง เบ็ญจะปัก ส.ส. สมุทรสาคร มีคนติดต่อผ่านมาจากคนใกล้ชิด จาก 25 ล้านบาท จนล่าสุด 75 ล้านบาท แต่ตนไม่สามารถรับได้ เพราะพี่น้องประชาขชนรวมถึงครอบครัว พวกเขาเหล่านี้จะคิดอย่างไร ซึ่งตนมองว่าการเสนอซื้อตัวนั้น เพราะเขาคิดว่าจะใช้เงินซื้อคนจนอย่างเราเลย อย่างไรตนยืนยันว่าจะยืนหยัดอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตยอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง