ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรียได้มีคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา ประกาศให้ขึ้นเงินเดือน 50% แก่ข้าราชการพลเรือนรวมถึงเจ้าหน้าที่ในกองทัพรวมทั้งสิ้นหลายแสนคน จากค่าจ้างขั้นต่ำจากเดิม 47,000 ปอนด์ซีเรีย (37 ดอลลาร์ ประมาณ 1,205 บาท) เพิ่มขึ้นเป็น 71,515 ปอนด์ซีเรียต่อเดือน (57 ดอลลาร์ ประมาณ 1,857 บาท) นอกจากนี้ยังขึ้นเงินอีก 40% ให้กับผู้รับบำนาญทหารและพลเรือนอีกด้วย
ความเคลื่อนไหวของผู้นำซีเรียมีขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนหน้าที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญในประเทศได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว โดยราคาของสินค้าอุปโภคบริโภคหลักอย่างขนมปังและเชื้อเพลิงได้ดีดตัวสูงขึ้นกว่า 2 เท่าทุกรายการ น้ำมันดีเซลราคาลิตรละ 500 ปอนด์ซีเรีย(ประมาณ 13 บาท )เพิ่มขึ้นจากเดิม 180 ปอนด์ซีเรีย (ประมาณ 4 บาท) ในขณะที่ราคาของขนมปังเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 200 ปอนด์ซีเรีย (ประมาณ 5 บาท) มูลนิธิเบเกอร์รี่เพื่อยังชีพของซีเรียอธิบายว่า “เหตุที่ขนมปังขึ้นราคา เป็นเพราะน้ำมันที่แพบงแพงขึ้น” โดยช่วยไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันดีเซลได้ปรับขึ้นไปสูง 180%
ซีเรียกำลังเผชิญวิกฤตด้านเศรษฐกิจที่สืบเนื่องจากสงครามกลางเมืองที่ยาวนานกว่าทศวรรษของประเทศ รวมถึงผลกระทบจากการถูกการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
อัล-วาตาน Al-Watan นักการเมืองฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล กล่าวว่า การปรับราคาน้ำมันดีเซลขึ้นจะนำไปสู่อัตราค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะแพงขึ้นจากปัจจุบันกว่า 26 % ปัจจัยนี้จะส่งผลให้ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมแบกรับต้นทุนทางการผลิตที่มากขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายใช้กระแสไฟสร้างความอบอุ่นในครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นทะลุถึง 178% เช่นเดียวกัน จากการปรับตัวของราคาสินค้าหลัก ทำให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ตามรายงานขององค์กรสหประชาชาติระบุว่า กว่า 80 % ของประชากรในซีเรียอยู่ใต้เส้นขีดความยากจนและอีก 60 % อยู่ในสภาพไม่มั่นคงทางอาหาร นับเป็นสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารที่ร้ายแรงที่สุดกว่าหลายชาติเคยเผชิญ