Moody’s สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินประกาศปรับลดระดับความน่าเชื่อถือของลาวลงมาที่ระดับ 'Caa3' ในวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหมายถึงการเป็นประเทศที่มีภาระต้องจ่ายหนี้ในระดับที่สูงมาก และทุนสำรองในการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่ต่ำมาก โดยไม่มากพอสำหรับการจ่ายคืนหนี้ที่กู้ยืมจากต่างประเทศ จึงทำให้ลาวมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ใน 'ระดับสูง'

เกรก เรย์มอนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียกล่าวกับสำนักข่าว VOA ว่าสาเหตุของหนี้ในปัจจุบันส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์สงครามในยูเครน ราคาพลังงานพุ่งสูง และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังโควิด-19

แต่เมื่อลองมองให้ลึกลงไป เรมอนด์ชี้ว่ารัฐบาลของลาวมีการเดินหน้ากู้เงินจากต่างชาติในปริมาณที่สูงมากเพื่อนำมาก่อสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ 

สำนักข่าว Xinhua ของจีนรายงานอ้างอิงตัวเลขจากทางการลาวระบุว่าในปี 2564 จีนยังครองตำแหน่งชาติที่เข้ามาลงทุนในลาวสูงสุดอันดับ 1 ผ่าน 813 โครงการ ด้วยเม็ดเงินราว 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 583,744 ล้านบาท

VOA รายงานว่า บุญชม อุบลประเสริฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของลาวเปิดเผยในที่ประชุมแห่งชาติของลาวว่า ปัจจุบันลาวต้องจ่ายหนี้ให้กับประเทศจีนเป็นเงิน 1,400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 51,077 ล้านบาทต่อปีในปี 2565 จากเดิมที่เคยต้องจ่ายที่ระดับ 1,200 ดอลลาร์หรือราว 43,780 ล้านบาทต่อปี 

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 รัฐบาลลาวสามารถจ่ายหนี้ต่างประเทศได้เพียง 137.9 ล้านดอลลาร์เท่านั้น 

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของลาวมีความน่าเป็นห่วงมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2564 ลาวมีหนี้สาธารณะที่ 14,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งธนาคารโลกประเมินว่าหนี้สาธารณะและหนี้ที่ลาวค้ำประกันพุ่งสูงถึง 88% ต่อ GDP ของประเทศ ขณะที่ทุนสำรองเงินตราเหลือเพียง 1,260 ล้านดอลลาร์ เพียงพอสำหรับการนำเข้าราว 3 เดือน ต่ำกว่าจำนวนที่ IMF กำหนดไว้ว่าควรมีเงินสำรองการจ่ายหนี้แบบสั้นไม่น้อยกว่า 4-6 เดือน

ขณะที่ในปัจจุบันนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ ในการปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงของสถานการณ์เงินเฟ้อก็ส่งผลกระทบต่อค่าเงินกีบให้อ่อนลงอย่างมากอีกด้วย โดยขณะนี้ 1 ดอลลาร์มีค่าเท่ากับราว 15,000 กีบ จากเดิมจะอยู่ที่ระดับ 8,800-9,500 กีบในช่วงปี 2563-2564 ที่ผ่านมา ซึ่ง Laotian Times รายงานว่าอัตราเงินเฟ้อของลาวในเดือน มิ.ย.นั้นอยู่ที่ 23.6% สูงที่สุดในรอบ 22 ปี

#VoiceOnline