กระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์เรียกทูตและกงลุสของฟิลิปปินส์ในแคนาดากลับประเทศโดยมีกำหนดให้ออกจากแคนาดาภายในเที่ยงคืนของเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ค.) สืบเนื่องมาจากปัญหาขยะในฟิลิปปินส์ที่ส่งมาจากแคนาดาโดยบริษัทเอกชน
ทั้งนี้เมื่อปี 2013 และ 2014 บริษัทเอกชนของแคนาดาได้นำขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้เข้ามายังฟิลิปปินส์จำนวนกว่า 100 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหามลพิษขยะล้นเกินในฟิลิปปินส์
นายเท็ดดี ล็อกซิน จูเนียร์ เลขาธิการกระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า "แคนาดาได้ละเมิดกำหนดข้อตกลงการขนส่งขยะกลับแคนาดาที่กำหนดไว้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา และทางฟิลิปปินส์มีแนวทางในการลดระดับความสัมพันธ์ทางทูตในแคนาดา จนกว่าขยะจากแคนาดาจะถูกขนกลับไปทั้งหมด"
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีดูแตร์เตของฟิลิปปินส์ขู่ว่า ฟิลลิปปินส์จะประกาศสงครามขยะกับทางแคนาดา หากแคนาดาไม่รับขยะทั้งหมดกลับไปกำจัด ด้านนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดากล่าวว่า แคนาดาจะเป็นผู้รับผิดชอบในการนำขยะทั้งหมดมากำจัด
ปัจจุบันยังคงเหลือตู้คอนเทนเนอร์ขยะของบริษัทเอกชนแคนาดาอีกจำนวน 69 ตู้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางการฟิลิปปินส์ได้มีการกำจัดขยะไปแล้วจำนวน 34 ตู้ อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางหน่วยงานศุลกากรของฟิลิปปินส์กล่าวว่า ฟิลิปปินส์พร้อมที่จะส่งขยะในตู้คอนเทนเนอร์กลับทันที แต่ทางแคนาดาของเวลาในการเตรียมเอกสารเพิ่ม 2 -3 อาทิตย์
ปัญหาขยะที่ล้นเกินโดยเฉพาะขยะพลาสติกที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลนั้นได้กลายเป็นปัญหาทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อปี 2017 จีนได้ประกาศไม่รับขยะจากสหรัฐฯ มากำจัดหรือรีไซเคิลอีกต่อไป ขณะที่หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมระบุว่า ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ล้วนเป็นเป้าหมายของประเทศที่พัฒนาแล้วในการนำขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้มาทิ้ง ซึ่งไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นประเทศหลักที่มีการรับขยะมูลฝอยจากประเทศที่พัฒนาแล้วมากำจัด
ที่มา BBC / Aljazeera / the guardian