เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2565 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง การปกปิดการระบาดของโรคอหิวาต์สุกรของรัฐบาลจนส่งผลกระทบให้ราคาสุกรสูงขึ้น รวมทั้งสินค้าอื่นขยับตาม ตามที่ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ รวมทั้งพิจารณา เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและศึกษาแนวทางช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งพรรคก้าวไกล โดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอ

งนี้ จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า จากข้อเท็จจริงและเอกสารทางราชการที่ทางพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้แถลงต่อพี่น้องประชาชนและที่ปรากฏตามโลกออนไลน์ได้ชี้ชัดแล้วว่า โรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (โรค ASF)ที่ระบาดในประเทศไทยในขณะนี้ สาเหตุหลักเกิดจากการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพยายามปกปิดความจริง จนเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง เกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงสุกรได้รับผลกระทบอย่างหนัก ลามมาถึงทำให้เกิดภาวะสุกรขาดตลาด ราคาสุกรปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้สินค้าอื่นๆ ก็ทยอยปรับตัวขึ้นตามไปด้วย ซ้ำเติมพี่น้องประชาชน ที่ก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งก็แทบลืมตาอ้าปากไม่ได้แล้ว

สถานการณ์ราคาสุกรที่ปรับตัวขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เกิดจากการที่ผู้มีอำนาจพยายามที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตและส่งออกสุกร โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่พยายามปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องการระบาด เพราะจนถึงปัจจุบันยังไม่ยอมออกประกาศว่ามีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในประเทศไทย ยิ่งเมื่อมาดูวิธีการแก้ปัญหาสุกรขาดตลาดของกระทรวงพาณิชย์แล้ว ก็ทำให้ยิ่งน่าสงสัยว่า ภายใต้รัฐบาลนี้มีการทำงานระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการปกป้องผลประโยชน์ให้กับเจ้าสัวและบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเป็นระบบ 

เมื่อเกิดสถานการณ์หมูขาดตลาด จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกประกาศห้ามส่งสุกรมีชีวิตออกนอกประเทศเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามประกาศกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา อ้างว่าเพื่อแก้ปัญหาหมูที่ไม่เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ แต่นี่คือการเล่นละครปาหี่หลอกลวงประชาชน เพราะประกาศฉบับนี้ห้ามส่งออกเฉพาะหมูมีชีวิต แต่ไม่ได้ห้ามส่งออกเนื้อหมูที่ชำแหละแล้วและผลิตภัณฑ์หมูอื่นๆ ทำให้แม้มีประกาศนี้ออกมาบริษัทที่ส่งออกหมูที่ชำแหละแล้วจะแบบแช่แข็งหรืออื่นๆ ถ้าไม่มีการยอมรับว่ามีโรคระบาดเสียก่อน ก็ยังสามารถส่งออกได้ปกติอยู่

"ละครป่าหี่ที่พรรคการเมืองในรัฐบาลชุดนี้ จับมือกันพยายามปกป้องผู้ประกอบการรายยักษ์ใหญ่ ปกปิดความจริงเพื่อเปิดทางให้ยังสามารถส่งออกหมูไปต่างประเทศได้ใช่หรือไม่ แต่สุดท้ายพฤติกรรมนี้ก็สร้างผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ"

จิราพร ระบุว่า ที่ให้กระทรวงพาณิชย์นำงบประมาณไปช่วยอุดหนุนสุกรมาขายราคาถูกให้กับประชาชน อาจจะเป็นเพียงการแก้ที่ปลายเหตุเพียงชั่วครั้งชั่วคราว รัฐบาลไม่สามารถอุดหนุนแบบนี้ไปได้ตลอด เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการทยอยปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ถามว่าที่ ผ่านมารัฐบาลได้ลองไปดูที่ต้นเหตุราคาหมูแพงอย่างจริงจังหรือยัง เช่น ต้นทุนการผลิต ที่วันนี้ประเทศไทยนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ในราคาที่สูง น้ำมันแพง หากวางเป้าว่าจะเป็นครัวไทยสู่ครัวโลก หรือจะทำโครงการเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ต้นทุนราคาต้องแข่งขันได้และคุณภาพต้องดี

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบว่า ผู้เลี้ยงสุกรในประเทศไทยกว่า 98% เป็นรายย่อย-รายกลาง การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในประเทศไทย ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรกลุ่มนี้แทบสิ้นเนื้อประดาตัว ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งเท่ากับว่านอกจากที่รัฐบาลต้องยอมรับความจริงและเร่งดำเนินการกำจัดเชื้อให้เร็วที่สุดแล้ว ต้องรีบช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็ก-รายกลาง ให้สามารถกลับมายืนได้อีกครั้ง ไม่เช่นนั้นเขาก็จะล้มแล้วล้มเลยไม่สามารถกลับมาทำอาชีพนี้ได้อีก สุดท้ายบริษัทยักษ์ใหญ่ก็จะผูกขาดธุรกิจค้าสุกรไว้ทั้งหมด

นอกจากนี้ ปัญหาราคาสุกรแพง หลายคนสงสัยว่ามีการกักตุนไว้ขาย รัฐบาลเข้าไปดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือยัง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีชี้เป้าเป็นวิทยาทานให้กับรัฐบาลใน Clubhouse ว่าหมูแพงเพราะมีการกักตุน วันนี้สดๆ ร้อนๆ ที่จังหวัดสงขลามีรายงานข่าวว่า พบบริษัทแห่งหนึ่งกักตุนเนื้อสุกรไว้จำนวนกว่า 200,000 กิโลกรัม นี่เฉพาะแห่งเดียว ถ้าค้นดูดีๆ อาจไม่ต้องรอนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศมาเพื่อพยุงราคาในประเทศก็เป็นได้

ส.ส.ร้อยเอ็ด ระบุต่อว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่มีการสร้างวาทกรรมกล่าวหา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า บริหารประเทศจนเกิดผีอีแพง ของแพงทั้งแผ่นดิน วันนี้วาทกรรมนั้นกลับกลายเป็นเหมือนดาบที่คืนสนองตัวพวกท่านเอง แต่ต่างกันที่ว่าสินค้าที่ขึ้นราคาในวันนี้ที่ทยอยขึ้นพร้อมๆกันซึ่งหลายรายการสวนทางกับราคาตลาดโลก เกิดจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ปกปิดความจริงกับประชาชน ต่างจากสมัยท่านยิ่งลักษณ์ ที่ราคาสินค้าบางรายการอาจปรับตัวขึ้นบ้างตามกลไกตลาดโลก แต่ประชาชนมีรายได้ มีเงินในมือที่จะจับจ่ายใช้สอย ในตอนนั้นไม่มีเหตุการณ์ “ของแพงค่าแรงต่ำ” เหมือนรัฐบาลนี้ ไม่มีเรื่อง “การกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุลอย่างถล่มทลาย” ไม่มีเรื่อง “การออกกฎหมายเงินกู้เพื่อเอามาแจก” ไม่เคยต้องปรับเพดานหนี้สาธารณที่สำคัญไม่เคยเก็บภาษีต่ำกว่าเป้า มีแต่เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน

"เศรษฐกิจในยุคท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เติบโตได้ดีแม้หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ คนมีงานทำ มีรายได้ที่จะจับจ่ายใช้สอย ซื้อหมู ซื้อของอุปโภคบริโภคได้ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการบริหารของรัฐบาลนี้"

จิราพร ระบุว่า ที่สำคัญที่สุด การแก้ไขปัญหาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานนะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ไม่เคยเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจเลย ยังมาพูดมั่วๆ แบบไม่เข้าใจว่า สินค้าแพงเพราะเงินเฟ้อ นี่ยิ่งตอกย้ำว่าวิกฤตของแพงที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจทั่วไป แต่เกิดจากการบริหารจัดการที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความรู้ความสามารถ ไร้วิสัยทัศน์ ไร้ความรับผิดชอบ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งภาวะแบบนี้ดิฉันคิดว่าไม่ใช่แค่ภาวะแพงทั้งแผ่นดิน แต่นี่คือภาวะพังทั้งแผ่นดิน