เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า จากการเปิดเผยขององค์การการค้าโลก (WTO) ระบุว่า จีนมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนาในปี 2653 มากที่สุด โดยพบว่ามูลค่าส่งออกสินค้าดังกล่าวของจีนในปี 63 สูงถึง 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า หากเทียบกับปี 2562 ซึ่งยังไม่พบการระบาด ตามข้อมูลขององค์การการค้าโลก
รายงานของ WTO ระบุว่า การค้าสินค้าทางด้านการแพทย์ทั่วโลกพุ่งแตะ 2.3 ล้านล้านดอลลลาร์ ในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่หลายประเทศต่างงัดมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวด คิดเป็นสัดส่วนการเติบโต 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สวนทางกับการค้าสินค้าประเภทอื่นทั่วโลกที่หดตัว 7.6% ในปีเดียวกัน โดยสินค้าอุปกรณ์ด้านการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรับมือโควิด-19 อาทิ หน้ากากอนามัย เครื่องช่วยหายใจ แอลกอฮอล์ล้างมือ เครื่องสแกนอัลตราโซนิก มีอัตราการเติบโตสูงถึง 31% ในปีดังกล่าว
รายงานขององค์การการค้าโลกยังระบุว่า ประเทศค้าสินค้าด้านอุปกรณ์การแพทย์หลัก 3 ชาติคือ จีน สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี สัดส่วนด้านการค้าอุปกรณ์การแพทย์สำหรับรับมือโควิดของทั้งสามชาติรวมกันสูงขึ้นจากปี 62 ถึง 41%
การส่งออกสินค้าชนิดดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จีนขยับขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกด้านเวชภัณฑ์อันดับต้นๆ ของโลกในปี 2563 ทั้งยังพบว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 63 มีบริษัทใหม่ในจีนจดทะเบียนผลิตหรือซื้อขายหน้ากากอนามัย 70,802 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านับ 1,256%
“การส่งออกผลิตภัณฑ์ของจีนถือว่ามีความสำคัญต่อการต่อสู้กับโควิด-19 โดยการส่งออกเวชภัณฑ์จีนเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจาก 38 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 เป็น 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563"
ขณะที่บรรดาบริษัทที่ผลิตเคยสินค้าชนิดอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 อย่างลูกกอล์ฟ บุหรี่ไฟฟ้า ชิ้นส่วนรถยนต์ ต่างพากันเปลี่ยนเปลี่ยนสายการผลิตหน้ากากอนามัย ด้วยเหตุผลว่าสามารถทำกำไรได้ดีและสินค้าส่งออกได้เร็วภายในไม่กี่สัปดาห์ จากดวามต้องการสูง
สหรัฐฯ นอกจากเป็นผู้ส่งออกสินค้าด้านการแพทย์อันดับต้นๆของโลกแล้ว ยังเป็นผู้นำเข้าสินค้าการแพทย์เพื่อรับมือโควิด-19 มากสุดในโลกเช่นกัน รองลงมาคือ เยอรมนี และจีน ตามลำดับ สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่จากจีน ตามด้วยเม็กซิโก และเยอรมนี จากการที่บรรดาบริษัทยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างชาติมักตั้งโรงงานในจีน หรือมีบริษัทจีนเป็นผู้รับช่วงการผลิตให้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าความต้องการสินค้าประเภทดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ส่งผลให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ในบางชนิดลดลงเช่นกัน และจีนต้องเผชิญการตีสินค้ากลับเนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานอันเข้มงวดของประเทศปลายทาง