วันที่ 22 ก.พ. 2563 นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เริ่มขึ้นตั้งแต่บ่ายวันที่ 24 ก.พ. นี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เกิดขึ้นใน 3 ระดับ ได้แก่ ขั้นแรก คือเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ
ขั้นที่สองคือ การเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรี หรือปรับคณะรัฐมนตรี และเป้าหมายขั้นสูงสุด คือคาดหวังให้เปลี่ยนรัฐบาล และเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
โดยบุคคลที่จะถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้านมากที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากบริหารบ้านเมืองไร้ประสิทธิภาพ ประชาชนเกิดความทุกข์ยาก ประเทศเจอภาวะวิกฤตหลายด้าน ทั้งสงครามการค้า ค่าเงินบาท การส่งออกชะลอตัว การรับมือกับไวรัสโควิด-19 และฝุ่น PM2.5 ที่ไร้ประสิทธิภาพ และประชาชนลำบาก สะท้อนจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง โดยในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเติบโตเพียงร้อยละ 2.4 ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบหลายปี และมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะติดลบในปีนี้ เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว จึงเป็นเหตุผลให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีไม่ควรอยู่ต่อไป
"จบการอภิปรายในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้ฉายาคนบาปครองเมือง เพราะคนที่ยืนอยู่บนความลำบากของคนอื่น คุณก็จะได้รับเสียงสาปแช่ง และถ้าคุณยังทนเสียงสาปแช่งได้ก็คือคนบาป ถ้าเป็นคณะก็คณะคนบาปครองเมือง" นายสุทิน กล่าว
ทั้งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และเป็นครั้งแรกที่เป็นการอภิปรายฯ มีช่องทางแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย โดย ส.ส.มีหน้าที่โหวตในสภา ขณะที่ประชาชนสามารถโหวตนอกสภาผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :