พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน 1 ประกอบด้วย 5 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ ซึ่งนำเสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ด้าน ได้แก่
1. การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เช่น โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 7 บริเวณ เพื่อรองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ และสังคมของกลุ่มจังหวัด บริเวณ อำเภอปากชม จังหวัดเลย-เมืองหมื่น แขวงเวียงจันทน์
2. ด้านแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และการแก้ปัญหาอุทกภัย เช่น โครงการศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำห้วยบางบาด จ.บึงกาฬ 2
3. ด้านการยกระดับการผลิต และการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิต
4. ด้านการท่องเที่ยว เช่น โครงการก่อสร้าง ประติมากรรมพญานาคราชคู่ มิตรภาพแห่งลุ่มน้ำโขง บริเวณวัดอาฮงศิลาวาส ต.ไคสี อ.เมือง จ.บึงกาฬ
5. การพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมมูลค่าหลายพันล้านบาท
ทันที่ที่เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย นายกรัฐมนตรีได้ ทักทายนักเรียน นักศึกษา ที่มารอให้การต้อนรับว่า วันนี้โลกเปลี่ยนไป ดังนั้นต้องรู้เท่าทันโลก พร้อมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้ช่วยกัน นำพาประเทศไปสู่การพัฒนา ขณะเดียวกัน ยังไม่ทราบว่า เดือน ม.ค. จะมีการประชุม ครม. สัญจร ที่จังหวัดไหน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้ในการลงพื้นที่เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจเรื่องความก้าวหน้าในการดำเนินงานของรัฐบาล ของทั้ง 5 จังหวัด และยังเป็นการรับฟังข้อเสนอแนะ ของทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนโครงการในอนาคต รวมทั้งแผนแม่บทด้วย ไม่อยากให้ใช้คำว่า รัฐบาลเดินทางมาที่นี่เพราะเป็นช่วงของการหาเสียง การเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยอย่าทำให้รัฐบาลเสียหายในการพูดคุยให้ข่าว อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณในความก้าวหน้าของการดำเนินงานมา จากที่ได้รับฟังมาเมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.) ทั้งบึงกาฬและหนองคาย และอีกหลายจังหวัดก็ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันจึงอยากให้ทุกคนติดตามความก้าวหน้าภายในกลุ่มจังหวัดด้วย เพื่อที่จะเดินได้พร้อมกัน แต่สิ่งที่ทราบอย่างหนึ่งคือข้าราชการระดับล่างในแต่ละกระทรวง จำเป็นต้องขับเคลื่อนการสร้างความเข้าใจให้มากกว่านี้
โดยเฉพาะโครงการและนโยบายใหม่ของรับบาลที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากการขายสินค้าออนไลน์ การใช้ระบบการเงินและธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพราะประชาชนยังเรียนรู้กับสิ่งเหล่านี้น้อยมาก จึงหวังว่ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย จะมาช่วยกำกับดูแลเรื่องเหล่านี้ เพราะเมื่อประชาชนไม่เข้าใจก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรและกลับกลายเป็นการลดทอนขีดความสามารถของภาคประชาชน
หลังจากนั้นจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร โดยมีวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีที่น่าสนใจ ดังนี้