วันที่ 6 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่าเรื่องนี้ถือเป็นนโยบายที่เร่งด่วนของรัฐบาล แต่เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการเจรจากับหลายๆ หน่วยงาน เพราะมีรถไฟฟ้าหลายสายและมีระยะเวลาสัมปทานที่แตกต่างกันจึงต้องใช้เวลาดำเนินการพอสมควร ขณะเดียวกันแต่ละผู้ประกอบการก็จะต้องมีระบบคอมพิวเตอร์ในการคำนวณค่าใช้จ่ายของระบบตั๋วร่วม
แม้ว่าทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะได้มีการวางรากฐานในระบบนี้ไว้แล้ว แต่ทางรถไฟฟ้าบีทีเอส ยังไม่มีระบบนี้ ดังนั้นเราต้องพูดคุยกับเขาเพื่อให้เร่งติดตั้งระบบ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงประมาณ 1,000 ล้านบาท จึงต้องเจรจาและรอความพร้อมของทุกๆ ภาคส่วน เพราะต่อให้มีเงินก็ยังไม่สามารถติดตั้งระบบได้ในทันที
ดังนั้นหากรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยสามารถดำเนินนโยบายนี้ได้สำเร็จ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการและรถไฟฟ้าแต่ละสายมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงมั่นใจว่าทางเอกชนน่าจะตอบรับ จากนั้นก็ไปพูดคุยแบ่งผลประโยชน์กันอีกครั้งหนึ่ง แต่ขอยืนยันว่านโยบายนี้มีแน่นอน แต่อาจจะต้องใช้เวลา ซึ่งไม่น่าจะเกิน 2 ปี
สุริยะ กล่าวอีกว่า การแถลงนโยบายวันที่ 11 ก.ย. นี้ จึงจะมีการอธิบายถึงระบบโลจิสติก และนโยบายนี้ร่วมด้วย แต่คงไม่ได้ไปเขียนว่า ราคาค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลได้หยิบยกประเด็นนี้มาเล่นว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนนั้น มั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้ เพราะคำพูดของตนในการแถลงคงเปรียบเสมือนคำมั่นสัญญาแล้ว
ส่วนระหว่างที่ดำเนินนโยบายยังไม่สำเร็จ 100% จะสามารถลดราคาค่าโดยสารแบบขั้นบันไดได้ก่อนหรือไม่ ย้ำว่าต้องใช้ระยะเวลา เพราะระบบตั๋วร่วมไม่สามารถทำได้ทันที ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างจัดทำตัวเลขว่าจะต้องอุดหนุนงบประมาณให้เอกชนเป็นจำนวนเงินเท่าไร แต่เมื่อวานได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมขนส่งทางรางไปศึกษาตัวเลขร่วมกับนักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า