นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่า คสช.เตรียมแจกเก้าอี้ ส.ว. ให้แก่ เครือข่ายพรรคพวก-ญาติพี่น้อง-กลุ่มคนที่รัฐประหารด้วยกันมา โดยเฉพาะคนใน ครม. สปช. สปท. และ สนช. ที่ คสช.เป็นคนแต่งตั้ง และแล้วก็เวียนกลับมาเป็น ส.ว. เหมือนเป็นการเล่นเก้าอี้ดนตรี ถ้าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง ก็เป็นไปตามคาดหมาย นั้นคือการสืบทอดอำนาจ คสช.
นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า 250 ส.ว. คือ ผู้ที่จะทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย ในระบบรัฐสภา เช่นเดียวกับ ส.ส. แต่มีความแตกต่างกันคือ ส.ส. มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะได้คนดีมีความรู้ความสามารถอย่างไร ประชาชนจะเป็นคนพิจารณาตัดสินใจเลือกเข้าสภาฯเอง แต่ประชาชนไม่มีโอกาสได้พิจารณาคุณสมบัติของ ส.ว. แม้แต่คนเดียว และประชาชนก็ไม่เคยรับรู้ถึงกติกา กฎเกณฑ์การสรรหา ส.ว. ทุกขั้นตอนเลย
“การกระทำของ คสช. ดังกล่าวนี้ จึงเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึง ผลของการรัฐประหารที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน และการรัฐประหารลิดรอนสิทธิของประชาชนในการเลือกตั้ง ส.ว. แต่กลับให้อำนาจ ส.ว.แต่งตั้งโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย อันเป็นการฉุดดึงให้การเมืองไทยถอยหลัง ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศแน่นอน” นางลดาวัลลิ์ กล่าว
ทั้งนี้นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรค ยื่นหนังสือถึงกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 คน พร้อมพกใบเหลืองจดรายชื่อ กกต. ทั้ง 7 คน โดยนางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนและทีมโฆษกเดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่ครั้งนี้จะยื่นหนังสือเป็นรายบุคคล เพื่อขอให้ กกต. แต่ละคนทบทวนว่าการคำนวณ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ของแต่ละพรรคต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
โดยพรรคเพื่อไทยเห็นว่าหากคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อตามรัฐธรรมนูญจะมี ส.ส. มาจาก 16 พรรคการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่ใช้วิธีการอื่นให้ได้ 27 พรรคการเมือง และพรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่าให้ กกต. คำนวณตามกฎหมาย ไม่ใช่ไปค้นย้อนดูข้อความบันทึกการประชุม เป็นการพิจารณาของกรรมาธิการซึ่งเป็นคำพูดของบุคคลไม่ใช่กฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
“การเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการปกครองระบอบประชาธิปไตย กกต. มีอำนาจที่ต้องควบคุมให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อให้เกิดการยอมรับโดยรวม”