ความคืบหน้าหลังมีการจับกุมผู้ลักลอบเผาป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วจำนวน 31 ราย และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอีกกว่า 100 ราย
ล่าสุด ศาลจังหวัดเชียงใหม่ พิพากษาโทษจำคุก นายเหล่าหวู่ แซ่ซือ ผู้ต้องหาชาวเมียนมาคดีเผาป่าที่เชียงดาว เป็นเวลา 4 ปี ความผิดฐานเผาป่า ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4–20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000–2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 ปี ปรับ 100,000 บาท โดยไม่รอลงอาญา ให้ชดใช้ค่าเสียหายของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญเสีย เสียหายเป็นเงิน 439,668 บาท แก่กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงสุขภาพอนามัยของคนในสังคมโดยรวม นับเป็นเรื่องร้ายแรงจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษให้จำเลย
โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแดง ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา บริเวณป่าด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้บ้านอรุโณทัย หมู่ที่ 10 ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพบไฟกำลังไหม้ลุกลามในพื้นที่ป่าโดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และชุด ชรบ.หมู่บ้าน ควบคุมตัวคนเผาไว้ได้
ขณะที่นายเหล่าหวู่ ให้การว่าตนเองได้ใช้ไฟแช็กแก๊สทำการจุดเผาเศษหญ้าและซังข้าวโพดและไฟได้ลุกลามเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นในตัว พบไฟแช็กแก๊สขนาดเล็ก จำนวน 1 อัน อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวาตัวที่สวมใส่อยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้และลุกลามเข้าป่าเป็นป่าเบญจพรรณ ป่าไผ่ ป่าหญ้า ซึ่งแห้งและเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ไฟจึงได้ลุกไหม้ขึ้นไปยังบนเขาซึ่งเป็นเขาสูงชัน อย่างรวดเร็วและเป็นบริเวณกว้าง และทำการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบป่าเสียหายประมาณ 10 ไร่ ตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว และเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง สอบถามแล้วผู้ต้องหารับว่าเป็นผู้จุดไฟเผาไร่ข้าวโพดของตน และไฟได้ลุกลามไหม้ป่าจริง
ส่วนอีกคดี ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ตัดสินลงโทษในคดี นายเรวัติ สิงคำ อายุ 42 ปี ข้อหาลักลอบเข้าไปในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าโดยผิดกฎหมาย บ้านลีซูใหม่สัมพันธุ์ ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว พร้อมของกลาง เป้ 1 ใบ น้ำผึ้งป่า 6 ขวด และไฟแช็ก 1 อัน หลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเกิดจุดความร้อนในพื้นที่จึงเข้าไปลาดตระเวน ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 15 วัน ปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และให้ชำระค่าสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
ทั้งนี้ จ.เชียงใหม่ได้ออกประกาศห้ามเผาทุกชนิดตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.จนถึง 30 เม.ย.2563 นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเผาป่าและเผาในที่โล่งแจ้ง ซึ่งเป็นต้นเหตุของมลพิษหมอกควันจนทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ พีเอ็ม 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องนานนับเดือนจนส่งผลกระทบกับสุขภาพของประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :