ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เป็นครั้งแรกในวันที่ 16 ก.พ. กรณีที่มีการพบการระบาดของ ไวรัสอีโบลา ใน 2 ประเทศของแอฟริกาอย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและสาธารณรัฐกินี โดย เจน ซากี โฆษกประจำทำเนียบขาวระบุว่า ทั้งคองโกและกินีจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับมือกับการระบาดนี้อย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นหายนะ และขณะนี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้ทราบเรื่องของการระบาดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ประชุมร่วมกับเอกอัครราชทูตของ คองโก ไลบีเรีย กินี และเซียร์ราลีโอน พร้อมย้ำว่ารัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมให้ความร่วมมือด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่

โฆษกทำเนียบขาวระบุต่อว่า "การระบาดของอีโบลาเกิดขึ้นพร้อมๆกันทั้งในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตกขณะที่ทั่วโลกกำลังพยายามเอาชีวิตรอดจากโควิด-19 เราต้องทำทุกอย่างอย่างเต็มความสามารถเพื่อรับมือกับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และด้วยทรัพยากรที่เพียงพอ ก่อนที่จะกลายเป็นการระบาดในระดับที่ใหญ่โต"

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ยืนยันการตรวจพบการระบาดครั้งใหม่ของไวรัสอีโบลาในเขตบูเทมโบ เมืองคีวู ประเทศคองโก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสอีโบลารุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และการระบาดนั้นได้ยุติลงอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน มิ.ย.ในปีที่ผ่านมา ล่าสุดทาง WHO ยืนยันว่ากำลังเร่งส่งวัคซีนไปยังพื้นที่ของเมืองที่อยู่ห่างไกลนี้โดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้าง พร้อมเตือนให้ประชาชนใน 6 ประเทศที่มีพรมแดนเชื่อมต่อกันเฝ้าระวังในระดับสูง ซึ่งประกอบไปด้วย ไลบีเรีย เซเนกัล กินี มาลี ไอวอรีโคสต์ และเซียร์ราลีโอน ขณะที่มีการรายงานว่าเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขแล้วในประเทศคองโก

ทั้งนี้ ทางการของประเทศกินีเปิดเผยว่ามีการระบาดของเชื้ออีโบลาเกิดขึ้นในเมืองเอ็นเซเรกอเร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ราย และมีผู้ติดเชื้อที่กำลังป่วยอยู่อีก 4 คน ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเซียร์ราลีโอนและไลบีเรียก็ประกาศเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังในระดับสูง ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ชี้ว่า ไวรัสอีโบลาเป็นไวรัสที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน จากนั้นจะติดต่อระหว่างคนสู่คนในผู้ที่ป่วยและแสดงอาการแล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยเชื้อจะติดต่อผ่านทางเลือดหรือของเหลวจากร่างกาย และอาจติดต่อได้จากศพผู้เสียชีวิตจากไวรัสอีโบลา ขณะที่ WHO ชี้ว่าอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสอีโบลานั้นสูงถึง 50%