วันที่ 24 ม.ค. 2566 ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ระบุถึง กรณีจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. ที่วิจารณ์พรรคเพื่อไทย และ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยเสนอให้ถอดเสื้อแดงแต่กลับมาโหมแลนด์สไลด์ด้วยกระแสคนเสื้อแดงว่า จุดยืนของพรรคเพื่อไทย หลังตนได้หารือกับคณะกรรมการบริหารพรรคและผู้เกี่ยวข้อง เห็นตรงกันว่า เราจะไม่ตอบโต้ ไม่สร้างพื้นที่วิวาทะ ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันบานปลายมากไปกว่าที่เป็นอยู่ แม้ จตุพร อ้างว่าสาเหตุที่ออกมาพูดเพราะ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวพาดพิงที่ฮ่องกง และเนื่องจากว่าตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่อาจพูดได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่พูดได้ว่า เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะผู้ที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมากว่า 10 ปีในนาม “คนเสื้อแดง”
ทั้งนี้ ณัฐวุฒิ ระบุว่า โดยส่วนตัวสามารถพบเจอพูดคุยกับ จตุพร ได้เป็นปกติ แต่ในภาวะการณ์แบบนี้ แม้จะดูน่าตื่นเต้น แต่มันไม่เป็นประโยชน์กับขบวนการต่อสู้ร่วมกันมา คนเสื้อแดงถูกกระทำ เจ็บปวด สูญเสียทั้งชีวิต อิสรภาพ และอื่นๆ มากพอแล้ว ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะรักษาไว้ให้ได้ คือ ความทรงจำของการต่อสู้ร่วมกันของแกนนำและมวลชนคนเสื้อแดงในอดีต เพราะเชื่อว่า คงไม่มีใครอยากเห็นภาพว่าตน กับ จตุพร จะต้องแสดงความคิดเห็นต่างกันในบางมุมบนพื้นที่สื่อ เพราะโดยปกติตนไม่เคยตอบโต้กับเพื่อนพี่น้องผู้ร่วมแนวทางเลยตั้งแต่ไหนแต่ไร ระยะเวลาหลังจากนี้ เชื่อว่าเพียงพอที่จะให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณว่าคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่เป็นอยู่ ทุกคนมีถูกมีผิด สามารถถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือตั้งคำถามได้ แต่ในฐานะมิตร ก็หวังใจว่า เราจะยังรักษาความเข้าใจเบื้องต้นระหว่างกันไว้ได้
“การเข้ามาทำงานในฐานะผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ก็ไม่ได้มีเงื่อนไขใด นอกจากความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเอาชนะคณะรัฐประหารสืบทอดอำนาจ พื่อเอาอำนาจรัฐคืนให้ประชาชน ขอยืนยันว่า ไม่เคยเจรจาต่อรองเรื่องยศศักดิ์หรือตำแหน่งใดๆกับทางพรรค” ณัฐวุฒิ ระบุ
ณัฐวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า แม้อดีตแกนนำ นปช. ไม่ได้มีการขับเคลื่อนแบบเดิมมา 2-3 ปีแล้ว แต่บางส่วนที่ยังทำกิจกรรมร่วมกันกับตน เรามีเป้าหมายร่วมกัน คือ ทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ในสนามเลือกตั้งให้ได้
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสืบเนื่องจากกรณีของคนเสื้อแดงที่ว่า หลายภาคส่วนมีปฏิกิริยาไม่เห็นด้วยที่ผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยมาจากการเปลี่ยนขั้วจากพรรคหรืออุดมการณ์อื่น ณัฐวุฒิ ชี้แจงว่า แม้ตนเองไม่เคยมีส่วนร่วมในกระบวนการคัดสรรคนของพรรค แต่เมื่อเป็นประเด็นขึ้นมา จึงได้สอบถามไปยังกรรมการบริหารพรรคเพื่อรับฟังเหตุผลและคำอธิบายให้ชัดเจน ตรงไปตรงมา เพราะว่า 1. ตนไม่ใช่สมาชิกพรรค จึงไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการคัดสรรคนได้ 2. หากเข้าไปแล้ว คนเสื้อแดงได้รับการคัดสรรเป็นว่าที่ผู้สมัครในสนามเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ย่อมเกิดข้อครหาว่า ตนมีการสร้างอำนาจต่อรองกับพรรค 3. หากเข้าไปแล้ว และตนไม่สามารถนำพาคนเสื้อแดงเป็นว่าที่ผู้สมัครได้ ก็จะกลายเป็นว่า ตนทอดทิ้งคนเสื้อแดงแล้วอีก ขอย้ำว่า กระบวนการคัดสรรคนไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตนแต่อย่างใด
ณัฐวุฒิ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ละเลยมองข้ามทุกการสอบถามเรื่องความชอบธรรมทั้งหลาย ซึ่งทุกกรณี ทุกพื้นที่ ทุกเขตเลือกตั้ง กำลังพยายามชี้แจง ทำความเข้าใจ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาโดยละเอียดรอบคอบ ทั้งนี้ ได้รับการชี้แจงว่า ทุกเขตเลือกตั้งที่ได้ประกาศเปิดตัวไปแล้ว คือ การได้รับการรับรองเบื้องต้นจากพรรค แต่ยังไม่ถึงที่สุด เพราะเหลือขั้นตอนการประกาศอย่างเป็นทางการโดยคณะกรรมการสรรหาของพรรคอีกครั้ง
เมื่อถามว่า สิ่งที่ จตุพร พูดมาจะกระทบต่อภารกิจและเป้าหมายแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ณัฐวุฒิ กล่าวยืนยันว่าไม่กังวลเรื่องนี้นัก เพราะจากการที่เราทำงานลงพื้นที่กันอย่างหนัก พบว่าประชาชนให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก แต่เป็นห่วงเรื่องความรู้สึกของพี่น้องที่เคยต่อสู้ด้วยกันมามากกว่า ซึ่งตรงนี้หลาย ๆ คนหาทางคลี่คลายสถานการณ์ และหากเห็นต่างกันก็เดินไปตามวิถีทางของตัวเอง โดยที่สัมพันธภาพในฐานะเพื่อนพี่น้องก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง