กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่า-ผาจันได เข้าเจรจาผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู โดยได้กล่าวอธิบายถึงข้อเท็จจริงที่ต้องปิดเหมืองต่อที่ประชุมว่า การทำเหมืองแร่หินปูนและโรงโม่หินนั้นได้ทับซ้อนกับแหล่งป่าน้ำซับซึม อีกทั้งกลุ่มถ้ำบนภูเขาหินปูนในพื้นที่มีความสำคัญทางโบราณคดีและเป็นแหล่งประวัติศาสตร์
ที่สำคัญชาวบ้านที่ลุกขึ้นมาต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองแร่หินปูนและโรงโม่หินได้เสียชีวิตถึง 4 ราย และยังจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ และที่ผ่านมาหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการอนุมัติ/อนุญาตในการทำเหมืองแร่หินปูนและโรงโม่หิน การทำเหมืองแร่หินปูน ได้มีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายและยังทำเหมืองแร่หินปูน นอกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงต้องยกเลิกการทำเหมืองในพื้นที่
หลังจากที่ตัวแทนชาวบ้านได้นำเสนอเสร็จ เวลา 11.40 น. เวียงชัย แก้วพินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ได้ให้ตัวแทนแต่ละหน่วยงานชี้แจงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ขณะที่ชาวบ้านได้ขอให้มีคำสั่งปิดเหมืองหินและโรงโม่ที่เป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน
ในเวลา 12.50 น. เวียงชัย แก้วพินิจ รองผู้ว่าฯ ได้ชี้แจงว่า ไม่มีอำนาจสั่งปิดเหมืองและโรงโม่โดยตรง ต้องไปศึกษาอำนาจหน้าที่ ชาวบ้านจึงสอบถามว่าทางจังหวัดจะมีอำนาจอะไรบ้างที่จะสามารถทำตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ของชาวบ้านได้บ้าง
ในเวลา 13.40 น. ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ได้เดินลงมาจากห้องประชุมภูพานคำ หลังจากขอให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีคำสั่งปิดและฟื้นฟูเหมืองหินดงมะไฟนานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งตัวแทนชาวบ้านได้ทำการสรุปผลการเจรจาให้ชาวบ้านที่รออยู่ด้านล่างฟังว่า "ทางจังหวัดไม่มีอำนาจในการสั่งปิดเหมือง ในเมื่อทางจังหวัดไม่มีอำนาจในการปิดเหมือง พวกเราก็จะเดินทางกลับไปปิดเหมืองด้วยสองมือสองเท้าของตนเอง"
ในเวลา 14.00 น. หลังจากที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ได้กินข้าวเสร็จ ก็ได้รวมตัวกันส่งเสียงตะโกนว่า "ปิดเหมืองหินและโรงโม่ ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยว" โดยหลังจากนั้นชาวบ้านได้นำหินที่เก็บมาจากพื้นที่และหน่อไม้ 1 หน่อ ไปวางไว้ที่หน้ารูปภาพผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภูที่ตั้งไว้บนเก้าอี้ และได้เดินทางกลับไปปิดเหมืองหินและโรงโม่ด้วยสองมือสองเท้าของตัวเอง