ไม่พบผลการค้นหา
‘ประยุทธ์’ เป็นประธานเปิดงานผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว รับทุกคนมีความเห็นต่างแต่ทำอย่างไรให้ทุกคนกลับมา ชี้เมืองไทยอยู่ได้เพราะคนไทย 70 ล้านคน เผย รบ.เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเทคโนโลยีแก่ผู้สูงวัย และครอบครัว รับมือสังคมผู้สูงอายุ

วันที่ 5 เม.ย. ที่อาคารรัฐประศาสนศาสตร์ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2566 

จุติ กล่าวว่า กระทรวง พม. ได้ทำงานร่วมกับหลายเครือข่ายเพื่อดูแลผู้สูงอายุทั้งประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่า กระทรวง พม. นั้นดูแลให้ความสุขกับพี่น้องประชาชนทั่วทุกแห่ง คือ “เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และสิ่งที่กระทรวง พม. ทำภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงกลาโหม บอกได้ว่า เราทำสำเร็จแล้ว และผู้สูงอายุถือเป็นหลักชัยของครอบครัว ดังนั้นเราจะคืนความสุขให้กับ 27 ล้านครอบครัว ทำให้มีความรักความเข้าใจกัน ดังนั้นเราจึงต้องดูแลต่อไปเพราะผู้สูงอายุมีคุณค่าต่อสังคม 

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นกล่าวบนเวทีในฐานะประธานเปิดงานว่า วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีอีกครั้งที่ได้มีโอกาสมาเป็นประธานในวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ขอชื่นชม และแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่านทั้งหน่วยงาน และองค์กรที่สนับสนุนงานด้านการส่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่ผู้สูงอายุและครอบครัว พร้อมทั้งบุคคลที่ได้รับรางวัลสาขาต่างๆ จึงแสดงให้เห็นว่า ผู้สูงอายุของเรายังคงเป็นบุคลากรที่มีพลังที่จะทำประโยชน์ให้แก่สังคมเป็นแบบอย่างอันทรงภูมิปัญญา และทรงคุณค่า รวมไปถึงครอบครัวที่ได้รับรางวัล ขอให้ทุกท่านเก็บรักษาความภาคภูมิใจนี้ไว้และส่งผ่านสิ่งดีๆ เหล่านี้ไปยังคนรอบข้าง และสังคมต่อไป 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้สถานการณ์โลกกำลังมีปัญหาอยู่ในเรื่องของการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

 นอกจากนี้เมื่อผู้สูงอายุมากขึ้น แต่คนเกิดใหม่น้อยลง นำไปสู่การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่น้อยลง ดังนั้นจึงต้องเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาร่วมกันว่าจะทำอย่างไร บทบาทของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และครอบครัว ต้องเตรียมความพร้อมอย่างไร แต่ในนามของรัฐบาลจึงต้องปรึกษาหารือกันในคณะรัฐมนตรี ซึ่งต้องร่วมมือซึ่งกันและกัน เพราะหน้าที่ของเราคือต้องดูแลคนทั้งประเทศ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งหนึ่งที่เราให้ได้คือ ความรู้เรื่องเทคโนโลยี การใช้ความเข้าใจต่างๆ วันนี้รัฐบาลได้ทำระบบดิจิทัลไว้มากมายทั้งในเรื่องของการให้การบริการการแจ้งเหตุแจ้งความอะไรก็แล้วแต่ทำให้การบริการเข้าถึงซึ่งกระทรวงพอมอก็นำมาใช้ได้มากด้วย และเราต้องสร้างความเข้าใจทั้งสังคมประเทศเราและสังคมระหว่างประเทศจึงต้องเก้าให้ทันสังคมและใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทุกอย่างมีทั้งผลดีและผลเสืออย่าทำให้โอกาสกลายเป็นวิกฤติ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกภาคส่วน และทุกครอบครัวจะช่วยกันแบ่งปันความรักความเผื่อแพรความเอาใจใส่ซึ่งกันและกันและสร้างพื้นที่ที่อบอุ่นร่วมกันเพื่อให้ทุกบ้านได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่าลืมสามสถาบันหลักเพราะนี่คือสถาบันหลักของประเทศถ้าเราไม่รู้จักสามสถาบันเราจะรักประเทศไทยได้อย่างไร เรากำลังช่วยกันสร้างบ้านหลังใหม่บ้านที่ยังไม่ค่อยแข็งแรงเราก็ต้องปรับปรุงทั้งหลังบ้านที่ดีอยู่แล้วก็ช่วยแต่งเติมดังนั้นเหมือนกับเราช่วยกันสร้างบ้านให้กับประเทศไทย

“หลายคนยังมีความคิดที่แตกต่าง ซึ่งตนไม่ว่าอะไร แต่สำคัญที่สุดคือจะทำอย่างไรให้กลับมาร่วมกันทำในสิ่งที่ถูกต้อง วันนี้ใกล้เทศกาลสงกรานต์แล้วถือว่า ทุกคน จะไปกราบพระขอพรพระ ก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ และฝากทำคุณแล้วก็ต้องทำกุศลธรรมคุณแล้วก็ต้องทำกุศล ทำอย่างไรก็ได้ให้บ้านเมือง ให้คนได้กุศล ทำบุญให้พระ ทั้งหมดจะทำให้มีความสุข และจะต้องให้ความสำคัญกับสังคมครอบครัว และอย่าลืมว่าบ้านเมืองไม่ได้อยู่ได้ด้วยคนใดคนหนึ่ง แต่อยู่ได้เพราะคนไทย 70 ล้านคน จึงต้องช่วยกันดูแลบ้านเมือง อย่าทำให้เป็นสังคมที่มีความแตกแยก” 

โดยในระหว่างนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยกบทพระราชนิพนธ์ ของรัชกาลที่ 6 “ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่ได้อย่างไร” ซึ่งเป็นกลอนบทเดียวกับที่กล่าวที่กระทรวงกลาโหมเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “พูดมาตั้งแต่เช้าก็รู้สึกเจ็บคอ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของทุกคนก็มีความสุข” 

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้มีการร่วมชมบูธสินค้าภูมิปัญญาของผู้สูงอายุ และนิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับผู้สูงอายุ และครอบครัว