ไม่พบผลการค้นหา
'เทพไท' ชี้ การเมืองร้อนแรงขึ้น หลังข่าว ส.ส.กรีดเลือดดังทั่วโลก แนะ นายกฯ แยกการเมืองของรัฐบาล ออกจากสถาบัน ด้าน 'องอาจ' พอใจภาพรวมการอภิปรายทั่วไป ฝากนายกฯ นำข้อเสนอดีๆ ไปใช้แก้ปัญหาคลี่คลายสถานการณ์

เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในช่วงเวลา 2 วันที่ผ่านมาว่า มีการแสดงความเห็นจากสมาชิกรัฐสภาที่หลากหลายและนับว่าเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะนำข้อเสนอแนะจากคำอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ไปใช้ประโยชน์และเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ไม่มากก็น้อย

จากการประชุม 2 วันที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าบรรยากาศทางการเมืองทั้งในสภาและนอกสภามีความร้อนแรงขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ประชุมรัฐสภา มีการกรีดเลือดประท้วง ระหว่างการอภิปราย ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังเผยแพร่ไปทั่วโลก นับเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองไทยในระบบรัฐสภา

ส่วนการเมืองนอกสภา ของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ก็มีการยกระดับการชุมนุมขึ้นตามลำดับ และยังมีการชุมนุมของกลุ่มปกป้องสถาบันที่สวมเสื้อเหลือง นัดชุมนุมในสถานที่ต่างๆบ่อยครั้งมากยิ่งขึ้น อาจจะเกิดปัญหาความวุ่นวาย การเผชิญหน้าระหว่างการชุมนุมของมวลชน 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องหามาตรการควบคุมดูแลไม่ให้การชุมนุมบานปลายออกไปจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเรียกร้องของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประเด็นล่อแหลมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม

"รัฐบาลจะต้องแยกแยะระหว่างปัญหาทางการเมืองของรัฐบาล กับปัญหาการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากกัน เพื่อไม่ให้ปัญหาการเมืองของรัฐบาลไปเกี่ยวโยงกับปัญหาของสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ควรนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆทั้งสิ้น รัฐบาลต้องทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง เป็นที่เทิดทูนของประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ" เทพไท ระบุ

'องอาจ' พอใจภาพรวมการอภิปรายทั่วไป

องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อขอให้มีการอภิปรายทั่วไปใน 2 วันที่ผ่านมาว่า ตนพอใจภาพรวมการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งมีทั้ง ส.ส. และ ส.ว. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภาได้ทำหน้าที่ควบคุมการอภิปรายให้อยู่ภายใต้ข้อบังคับได้อย่างเหมาะสม ขณะที่สมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายแสดงจุดยืน นำข้อเสนอ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่หลากหลาย เพื่อช่วยกันหาทางออกในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองที่กำลังรุมเร้าเข้ามาหลายทางอยู่ในขณะนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีควรนำความคิดเห็นและข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองต่อไป แม้ความคิดเห็นหรือข้อเสนอจากสมาชิกบางท่าน ท่านนายกฯ ฟังแล้วอาจไม่ค่อยสบายใจ แต่นายกฯ ควรเปิดใจกว้างพิจารณาข้อเสนอต่างๆ ด้วยใจเป็นธรรมโดยยึดเอาประโยชน์สุขของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ข้อเสนอใดที่นำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลอย่างจริงจังและรวดเร็วได้ก็ควรเร่งทำเพื่อให้เกิดผลอย่างแท้จริง 

ในส่วนของ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหน้าที่อภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์บนพื้นฐานจุดยืนของพรรค 3 ประการคือ

1. ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2. ยึดแนวทางสันติ คัดค้านการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย 

3. ใช้เวทีรัฐสภาร่วมกับทุกภาคส่วนในการแสวงหาทางออกร่วมกัน 

โดยเฉพาะข้อเสนอของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอให้มีคณะกรรมการ 7 ฝ่ายที่มาจากรัฐบาล ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ว. กลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มที่เห็นต่างจากผู้ชุมนุม และกลุ่มอื่นๆ ที่ทำงานด้านสันติวิธี มารวมกันเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ หรือจะเรียกชื่ออย่างอื่นก็ได้ เพื่อนำปัญหาข้อเรียกร้อง ความคิดเห็นมาพูดคุยกันอย่างจริงจัง เรื่องใดที่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก็เดินหน้าปฏิบัติให้เป็นจริง เรื่องไหนที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันอยู่ ก็ช่วยกันหาแนวทางเพื่อแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่างเพื่อสร้างฉันทามติให้เกิดการยอมรับร่วมกันได้

"การที่แต่ละฝ่ายที่มีจุดยืนความคิดเห็นข้อเรียกร้องที่แตกต่างกันได้มีโอกาสคุยกัน ประชุมร่วมกัน น่าจะเป็นทางออกอีกทางหนึ่งในการที่ทำให้ไม่เกิดการเผชิญหน้ากันจนอาจนำไปสู่ความรุนแรงที่ไม่พึงปรารถนา และอาจนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์ที่ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ในที่สุด" องอาจ ระบุ