นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้า อาทิ แม๊คโคร บิ๊กซี พบว่า มีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปซื้อสินค้าเพื่อกักตุนจำนวนมาก โดยจากการสอบถามทราบว่า ในช่วง 2 วันนี้จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สินค้าโดยเฉพาะ น้ำตาลทราย ข้าวถุง อาหารสำเร็จรูปและสินค้าอื่นๆ เช่น สบู่เหลว กระดาษทิชชู ต้องทยอยเติมสินค้าเข้าชั้นอย่างต่อเนื่อง สินค้าบางอย่างพนักงานของทางห้างเติมสินค้าไม่ทัน เพราะความต้องการของประชาชนมีจำนวนมาก
“ผมขอให้กระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด โดยขอให้ประสานงานกับผู้ผลิตผู้ค้าที่เกี่ยวข้องตลอดเวลา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในภาวะวิกฤติ ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องสินค้าอุปโภค บริโภค ทั้งนี้ถ้ามีการระบาดของไวรัสโควิค -19 เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลต้องรีบดำเนินการป้องกันสินค้าขาดแคลนโดยด่วน ในส่วนของประชาชนก็ขอให้อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป”นพ.ระวี กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ นายวิชัย โภชนกิจตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน ย้ายจากตำแหน่งไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีแทน นพ.ระวี กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาประชาชนและสังคมเกิดคำถามเกี่ยวกับปัญหาหน้ากากอนามัยอย่างมาก ซึ่งยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ฉะนั้นเพื่อการตรวจสอบที่ยุติธรรมก็สมควรที่จะปลดนายวิชัยออกจากตำแหน่งไปก่อน
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่าหลังวันที่ 4 กพ.มีการส่งออกถึง 12 ล้านชิ้น กรมการค้าภายใน ควรจะต้องแถลงให้ชัดเจนว่า กรมการค้าภายในได้พยายามเจรจากับบริษัทผลิตหน้ากากอนามัย ว่ามีทางที่จะไม่ส่งออกได้หรือไม่ อย่างไรและมีทางที่จะเปลี่ยนมาขายภายในประเทศก่อนได้หรือไม่
“คำถามคือ กรมการค้าภายในได้พยายามสุดความสามารถหรือยัง เพราะหน้ากากอนามัยในสงครามชีวภาพต้องถือว่าเป็นยุทธปัจจัยหนึ่งที่สำคัญแต่กรมการค้าภายในกับแถลงสั้นๆ ว่าเป็นหน้ากากที่เขาผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น และเมื่อโฆษกกรมศุลกากรออกมาแถลงข่าวการส่งออกหน้ากากอนามัยในเดือนมค.-กพ. 300 กว่าตัน อธิบดีกรมการค้าภายในกลับไปยื่นฟ้องโฆษกกรมศุลกากร แทนที่ตัวเองจะแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ข้อมูลนั้นคลาดเคลื่อนไปเป็นบางส่วน ความจริงคืออะไรน่าจะดีกว่า”นพ.ระวีกล่าว