บลิงเคนระบุกับสำนักข่าว BBC ว่า ยูเครนจะสามารถชนะสงครามการรุกรานจากรัสเซียได้ โดยตนยังไม่สามารถระบุได้ว่าความขัดแย้งในครั้งนี้จะยืดเยื้อออกไปได้อีกนานเท่าใด แต่ยืนยันว่าความพ่ายแพ้ของยูเครนจะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ ก่อนที่บลิงเคนจะกล่าวยกย่อง “การต่อต้านการรุกรานอย่างน่าอัศจรรย์” ของประชาชนชาวยูเครน
“ถ้าเจตนาของมอสโกคือความพยายามในการโค่นล้มรัฐบาลและจัดตั้งระบอบหุ่นเชิดขึ้นมา ประชากร 45 ล้านคนของยูเครนจะปฏิเสธสิ่งนี้ไม่ด้วยวิธีการใดก็วิธีการหนึ่ง” บลิงเคนระบุ ก่อนจะกล่าวเสริมว่า สงครามในครั้งนี้อาจจะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียคาดการณ์เอาไว้แต่แรก
การรุกรานยูเครนโดยรัสเซียเข้าสู่วันที่เก้าแล้ว อย่างไรก็ดี กองทัพและประชาชนยูเครนยังคงลุกขึ้นต่อต้านการรุกรานจากกองทัพรัสเซียอย่างหนักแน่นเช่นเคย ทั้งนี้ ปูตินระบุในที่ประชุมสภาความมั่นคงของรัสเซียเมื่อวันก่อนว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” ในยูเครนยังคงเป็นไปตามแผน ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะมองรัสเซียไม่สามารถเข้ายึดยูเครนได้ตามเป้าหมายจริง
ในตอนนี้ กองทัพรัสเซียสามารถเข้ายึดพื้นที่ในทางตอนใต้ของยูเครนบริเวณแถบทะเลดำ ตลอดจนท่าเรือในเมืองมารีอูปอลของยูเครนที่ยังคงถูกล้อมเอาไว้ ในขณะที่ผู้ว่าราชการเมืองมีโคไลฟ์ระบุว่า กองทัพรัสเซียได้ถูกขับไล่ออกจากเมืองไปแล้ว อย่างไรก็ดี แผนการยึดตอนใต้ของยูเครนโดยรัสเซีย เป็นความพยายามจากรัสเซียในการปิดทางออกสู่ทะเลของยูเครน นอกจากนี้ เมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครนยังคงถูกกองทัพรัสเซียล้อมเอาไว้ได้อยู่
บลิงเคนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC หลังจากการประชุมหารือกับพันธมิตรในสหภาพยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ในการเดินทาง 6 วันเยือนยุโรป โดยบลิงเคนย้ำว่า ประชาคมระหว่างประเทศพร้อมจะทำในทุกวิถีทางเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน และ “กดดันรัสเซียให้ยุติสงครามที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เริ่มเลือกที่จะทำขึ้น”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามบลิงเคนว่าเขาเชื่อหรือไม่ว่ายูเครนจะชนะสงครามในครั้งนี้ บลิงเคนระบุว่า “ในอีกสักระยะ แน่นอน” ก่อนที่บลิงเคนจะกล่าวว่า “ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะใช้เวลานานเท่าใด แต่ความคิดที่ว่ารัสเซียสามารถเอาชนะใจคนจำนวน 45 ล้านคนที่ต่อสู้เพื่ออนาคตและอิสรภาพอย่างกระตือรือร้น ซึ่งรัสเซียเองไม่ได้ถือไพ่เหนือต่อยูเครน มันช่วยบอกอะไรคุณได้มาก”
ทั้งนี้ บลิงเคนกังวลในเรื่องการยกระดับสถานการณ์ของรัสเซียในยูเครน ก่อนชี้ว่ากองทัพรัสเซียได้ใช้ “ความโหดร้ายที่เพิ่มมากขึ้น” ต่อพลเรือนยูเครน และสังหารพวกเขาด้วยอาวุธความร้อนสูง “น่าเสียดายที่วิธีการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในตำราของประธานาธิบดีปูติน และผมคิดว่าเราน่าจะได้เห็นอะไรที่มากกว่านี้” บลิงเคนระบุ
อย่างไรก็ดี บลิงเคนกล่าวถึงเหตุการณ์หลังจากสงครามในครั้งนี้จบลงในอนาคตว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการจะเข้ามาเปลี่ยนระบอบการเมืองของรัสเซีย โดยย้ำว่าประชาชนชาวรัสเซียจะยังเป็นผู้เลือกผู้นำของตนเอง แต่ขอให้ประชาชนรัสเซียตั้งคำถามต่อการรุกรานยูเครนในครั้งนี้ ภายใต้การตัดสินใจของผู้นำรัสเซียเอง
ที่มา: