การเมือง
สื่อนอกตีข่าวทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เสด็จร่วมงานแต่งลูกสาวทักษิณ
สื่อต่างประเทศรายงานข่าวพิธีฉลองมงคลสมรสของ 'อุ๊งอิ๊งค์' หรือ แพทองธาร ชินวัตร บุตรคนที่ 3 ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และ 'ปอ' หรือ ปิฎก สุขสวัสดิ์ โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปร่วมงานด้วย
สำนักข่าว Channel News Asia ของสิงคโปร์รายงานว่า ทักษิณได้บอกกับสื่อเขามีความสุขมาก และตอบคำถามของสื่อที่มาดักรอหน้าโรงแรมว่า เขาไม่รู้ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้
ขณะที่ สำนักข่าว South China Morning Post ของฮ่องกงรายงานว่า ภายในงาน ทักษิณกล่าวติดตลกว่า "จริงๆ แล้วลูกสาวจะขอจัดวันที่ 23 มีนาคม แต่โรงแรมบอกว่าไม่ว่าง เลยเป็น 22 หลังจากนั้นก็มีการประกาศวันเลือกตั้งว่าเป็น 24 เราก็กลัวว่าถัาจัดหลังวันที่ 24 ห้องนี้คงจะไม่พอ เพราะว่าเราชนะแน่นอน"
ด้านสำนักข่าว Nikkei ของญี่ปุ่นมองว่า ทักษิณพยายามอาศัยความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โดยหวังว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นอกจากนี้ ยังรายงานว่าพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มจะได้ที่นั่งในรัฐสภามากที่สุด แต่ไม่มากพอจะได้เสียงข้างมาก แม้เพื่อไทยจะยังได้รับเสียงสนับสนุนของคนรากหญ้าในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่การแบ่งเขตใหม่ก็อาจส่งผลกระทบกับจำนวนที่นั่งส.ส.ด้วย
ส่วนสำนักข่าว Daily Mail ของอังกฤษรายงานว่า ทักษิณได้ถวายการต้อนรับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ จนสร้างความสับสนอลหม่านในการเมืองไทยมาก ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่สมาชิกราชวงศ์ไทยมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะตามราชประเพณีแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องอยู่เหนือการเมือง
สำนักข่าว The Washington Post ของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า การจัดงานแต่งงานเพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปีของไทย เป็นเหมือนการส่งสัญญาณไม่ให้คนไทยลืมชื่อทักษิณ ชินวัตร
นอกจากนี้ The Washington Post ยังระบุว่า การที่พรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อแคนดิเดตเช่นนั้นถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่ฉลาดสำหรับการปกป้องตัวเองจากการดำเนินคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมมักใช้โจมตีฝ่ายของทักษิณ แต่แผนการนี้กลับกลายเป็นหายนะ หลังมีพระราชโองการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
