ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ก.ย. แกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมแถลงถึงแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการผลักดันแก้รัฐธรรมนูญในสมัยประชุมหน้าที่จะมาถึง
โดย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้เราคงต้องรอที่เขาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอ ทั้งที่รัฐบาลเองก็เป็นผู้เสนอร่าง ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจ
เมื่อถามว่า ท่าทีของ ส.ว.ดูเหมือนไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบนี้การโหวตครั้งหน้าก็มีโอกาสที่จะล้มอีก สมพงษ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูง เข้าใจว่ายังไม่มีคำสั่งมา พวกนี้ต้องฟังคำสั่ง ซึ่งโอกาสแก้รัฐธรรมนูญก็ลำบาก ขึ้นกับประชาชนว่าตจะผลักดันกันอย่างไร ตนไม่อยากไปชี้นำ อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังรอร่างแก้ไขฉบับของไอลอว์ ที่ยังมีโอกาสในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านได้คุยกันเรื่องการกดดันนอกสภาหรือไม่ สมพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน แต่เราฟังเสียงประชาชน เราเข้าใจ
เมื่อถามว่า ในการอภิปรายมีการพูดถึงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะขัดรัฐธรรมนูญซึ่งอาจมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ และอาจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้าออกไปอีก สมพงษ์ กล่าวว่า เขาทำได้ทุกอย่าง แต่อย่างน้อยพี่น้องประชาชนจะเข้าใจว่ามีการเตะถ่วง ทั้งนี้ ฝ่ายค้านทำใจอยู่แล้วว่า ถ้า ส.ว.ไม่เล่นด้วย รัฐธรรมนูญก็ไม่มีทางผ่าน แต่เราหวังใจว่า ส.ส.ฝั่งรัฐบาลจะมีส่วนในการแก้รัฐธรรมนูญ
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวว่า กรณีที่มีการพูดว่าต้องไปทำประชามติก่อนว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ อยากเรียนว่า กมธ.ศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มาคุยกัน ซึ่งคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญฉบับเก่า คือรัฐธรรมนูญปี 2550 ในหลักการถ้าเรารับวาระ 1-2 แล้ว ในวาระที่ 3 ก็ไปทำประชามติว่าประชาชนจะให้แก้หรือไม่ ด้ังนั้น ข้ออ้างนี้อาจจะเป็นการหาเหตุเพื่อรอผู้มีอำนาจตัดสินใจ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บริหารประเทศ อยากเข้าสู่ความปรองดอง ยุติความขัดแย้ง แต่วันนี้ศูนย์รวมของความขัดแย้งอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้ ส.ว.เขาไม่มองว่าเป็น ส.ว. แต่เขามองว่าเป็นคนที่รับคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอันนี้จะทำให้บ้านเมืองไปได้ยาก จึงอยากเรียกร้องว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรคิดเอาชนะประชาชน
ขณะที่ นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวว่า การอ้างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 121 วรรคสาม เพื่อให้มีการตั้ง กมธ.นั้น ตนมองว่าพี่น้องประชาชนทราบดีว่านี่คือเกมส์ เป็นเล่ห์เพทุบาย ซึ่งพี่น้องประชาชนรู้ทัน การทำแบบนี้ถือว่าเป็นการไปขัดขวางเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนอย่างมาก เป็นอันตราย จะทำให้สภาถึงทางตัน และไม่แก้ปัญหาอะไรเลย และจะทำให้การเมืองนอกสภานั้นทวีความรุนแรง และบ้านเมืองจะประสบความหายนะได้
สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ก็รับราชการมาจนเกษียณ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องคิดถึงบ้านเมือง และประเทศชาติ เราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และเขาเองก็บอกว่าอยากจะแก้ เราจึงเสียเวลาไปนั่งคุยกับเขามาตั้งนาน และอภิปรายไปตั้ง 2 วัน แต่คืนนั้นกลับบ้านไปนอนตาไม่หลับ เพราะโดนแหกตา นี่คือสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ เพราะก็คุยกันแล้วในวิป 3 ฝ่าย ไม่ใช่ไม่คุย แต่ก็ยังออกมาแบบนี้ จึงรู้สึกเสียใจจริงๆ และเป็นห่วงบ้านเมืองเพราะเศรษฐกิจจะดิ่งลงไปอีก เนื่องจากความเชื่อมั่นไม่มี
นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนได้รับรู้ รับทราบจิตใจ ส.ว. การกระทำครั้งนี้ท่านไม่ได้มองเห็นหัวประชาชนเลย ทั้งที่ท่านรู้ว่า ประชาชนเขาต้องการอะไร และประเทศชาติเสียหายอย่างไร ท่านยังถูไถกันไปว่าไม่รับ ที่ท่านไม่กล้าลงมติเพราะท่านไม่กล้าออกทีวีให้ประชาชนตรวจสอบว่า ท่านรับหรือไม่รับ อีกประการหนึ่งคือ ท่านไม่มั่นใจว่า ส.ว.ของท่านจะเสียงแตกด้วยซ้ำ ท่านจึงใช้วิธีการตั้งกมธ.เพื่อเตะถ่วง
เมื่อถามถึงประเด็นที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตั้งไว้ กรณีว่าการโหวตลงมติตั้ง กมธ.อาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 163 จะมีการขยายผลต่อหรือไม่ อย่างไร เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะดำเนินการต่อเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ อย่างไรก็ตาม ต้องรอประชุมพรรคในสัปดาห์หน้า และจะสรุปออกมาเพื่อแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง และจะนำเข้าสู่ที่ประชุม 6 พรรคฝ่ายค้านในอาทิตย์ถัดไป โดยวิปของพรรคก้าวไกลจะไปเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมวิปพรรคร่วม