ไม่พบผลการค้นหา
‘จุรินทร์’ โต้ฝ่ายค้านหูดับ ถ้าบอก 'คดีถุงมือยาง' ไม่คืบหน้า ยันเร่งตามตัวคนผิดชดใช้ ซัดรัฐบาลก่อนโกงจำนำข้าวไว้ 10 ปี ไม่เห็นท้วงว่าล่าช้า ลำบาก อคส. ต้องเก็บกวาด

วันที่ 20 ก.ค. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิเสธว่าทุกสิ่งฝ่ายค้านอภิปรายเป็นความเท็จ และเป็นการฉายหนังเก่า นอกจากนี้ยังแอบอ้างผลงานว่าแจ้งความต่อ ป.ป.ช. ให้ไต่สวน ทั้งที่ความจริงเป็นองค์การการคลังสินค้า (อคส.) ที่ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ให้สืบคดีทุจริตจนมีความคืบหน้า และตนไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตดังกล่าวเลย เพราะ ป.ป.ช. ไม่เคยเรียกตนไปชี้แจง

จุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ใช่เพียงกรณีทุจริตถุงมือยาง 2 พันล้านบาท เท่านั้น ที่ อคส. มีภารกิจต้องไปทวงคืน ยังมีกรณีทุจริตจำนำข้าว 5 แสนกว่าล้านบาท ในสมัยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ซึ่งยังไม่จบเหมือนกัน ไม่เห็นท่านทวงว่าล่าช้า รวมถึงกรณีทุจริตมันสำปะหลัง คู่แฝดทุจริตจำนำมันสำปะหลัง ทั้ง 3 หมื่นกว่าล้าน ซึ่ง อคส. ได้ดำเนินการติดตาม โดยมีความคืบหน้าทั้งสิ้น

จุรินทร์ ชี้แจงว่า กรณีทุจริตถุงมือยางนั้น เกิดจากอดีต ผอ.อคส. ได้ทำสัญญาสั่งซื้อถุงมือ และเมื่อพบเงินหาย 2 พันล้านบาท หายไปนั้น ผอ.หน่วยงานคนใหม่ได้แจ้งตนทันทีที่ทราบเรื่อง และนายกฯ ได้มีคำสั่งย้ายอดีต ผอ. ทันทีในวันเดียวกัน จะกล่าวหานายกฯ ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไร หลังจากนั้นได้มีการติดตามเรื่องและแจ้งความต่อ ป.ป.ช. อย่างรวดเร็ว ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ทั้งยังได้อายัดบัญชีบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ ไปตั้งแต่ 29 ต.ค. 2563 แล้ว การสืบสวนและดำเนินคดีมีความคืบหน้าไปตามลำดับ ข้อกล่าวหาต่างๆ ของ ประเสริฐ ในการอภิปรายฯ จึงไม่เป็นความจริง 

และตนยืนยันคำพูดเดิมที่เคยชี้แจงว่า ตนจะไม่ละเว้นใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยตนสั่งการให้ ผอ. อคส. คนใหม่ให้ความร่วมมือส่งต่อข้อมูลให้ ป.ป.ช. เป็นอย่างดี และตั้งภารกิจให้นำเงินจำนวน 2 พันล้าน พร้อมดอกเบี้ยจากผู้กระทำผิดมาชดเชย ซึ่งระบุตัวผู้เสียหายแล้ว และกระทรวงการคลังต้องเป็นผู้ชี้ขาดความผิด

ส่วนประเด็นของประธานบอร์ด อคส. ที่ยังต้องรักษาการไปนั้น ไม่ใช่การโยกโย้หรือปกป้อง แต่เป็นเงื่อนไขตามกฏหมาย ถ้าดำเนินการผิดขั้นตอนก็อาจจะถูกโต้แย้งได้ เพราะทางสำนักงานกฤษฎีกาได้ชี้ชัดว่า เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ต้องตั้งกรรมการสอบความผิดประธานบอร์ด อคส. ทางฝ่ายค้านอาจสงสัยว่า จุรินทร์ กล้าตั้งคณะกรรมการฯ สอบหรือไม่ เพราะเป็นคนใกล้ชิด แต่ความจริงแล้วไม่ เพราะตนได้ลงนามแต่งตั้งกรรมการฯ เรียบร้อย และคณะกรรมการฯ ได้แจ้งข้อกล่าวหาตามกระบวนการแล้ว


ตอกฝ่ายค้าน ‘หูดับ’ แล้ว ถ้าไม่เห็นความคืบหน้า

จากนั้น จุรินทร์ ยังกล่าวต่อไปถึงความคืบหน้าของการสืบสวนของคดีทุจริตจำนำข้าว โดย ประเสริฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงทันที เนื่องจาก จุรินทร์ ชี้แจงไม่ตรงกับเนื้อหาที่ตนอภิปรายกล่าวหา ประชาชนเวลานี้อยากรู้เรื่องเส้นทางการฟอกเงิน แต่ท่านกลับนำเรื่องอื่นมากลบ ถือเป็นการเอาดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าคนอื่น จุรินทร์ จึงตอบโต้ว่า ตนชี้แจงเรื่องนี้เพราะอยู่ในญัตติของฝ่ายค้านที่กล่าวหาตนว่า ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งความจริงตนได้ติดตามทุกๆ การทุจริต เร่งรัดทุกกรณี ไม่ได้ละเว้น

“ผมกำลังอธิบายว่าผมติดตามความเสียหายอย่างไร และไม่ได้มีแค่ทุจริตถุงมือยาง ยังมีทุจริตจำนำข้าวอีก ก็เป็นภารกิจของ อคส. ต้องติดตาม ขึ้นศาลอยู่ปัจจุบัน 1,180 คดี ค่าเสียหาย 5 แสนกว่าล้านบาท อคส. ต้องทุ่มเทสรรพกำลัง เสียเวล่ำเวลาในการปฏิบัติงานไปใช้กับการดำเนินคดีที่พวกท่านก่อไว้ 10 ปีแล้ว คดียังอยู่ในศาล คืบหน้าไปตามลำดับ ยังมีทุจริตจำนำมันสำปะหลัง 3 หมื่นกว่าล้าน สมัยท่านเป็นรัฐบาลเหมือนกัน ลอกจำนำข้าวมาเลย ไม่ต้องเอ่ยว่ารัฐบาลไหน พวกท่านก็แล้วกัน ทำ อคส. ขาดทุน 3.3 หมื่นล้านบาท” จุรินทร์ กล่าว

ระหว่างนั้น สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงว่า รัฐมนตรีตอบคำถามที่ฝ่ายค้านไม่ได้ถาม ขอให้ตอบอยู่ในประเด็น ซึ่ง จุรินทร์ โต้กลับอีกครั้งว่า เป็นการชี้แจงตามข้อกล่าวหาในญัตติ และด้วยความเอาจริงเอาจังในการติดตามทุจริตของ อคส. นี่เอง ทำให้คุณธรรมและคะแนนความโปร่งใสของ อคส. กระเตื้องขึ้นมามาก เมื่อเทียบกับยุคที่ท่านเป็นรัฐบาล

“ถ้าท่านบอกว่าที่ผมพูดมาทั้งหมดไม่เห็นความคืบหน้า ผมว่าท่านหูดับแล้ว เพราะทั้งหมดคือความคืบหน้าของกระบวนการขั้นตอนกฎหมาย ชัดเจนทุกเรื่อง ทั้งเรื่องแพ่ง อาญา วินัย แล้วก็การหาตัวผู้กระทำผิดมาชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนท่านจะส่ง ป.ป.ช. ไม่มีปัญหาเลยครับ ดีครับ จะได้ช่วยตรวจสอบความทุจริต ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ผมพร้อมให้ความร่วมมือ” จุรินทร์ กล่าว