การประกาศของเซเลนสกีในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีการการระดมกำลังพลกองทัพรัสเซียบางส่วนเพิ่มเติม โดยหากชายชาวรัสเซียที่เข้าคุณสมบัติถูกเกณฑ์เข้าร่วมกองทัพทำการหนีทหารจะมีบทลงโทษเพิ่มขึ้นสองเท่า แก่ทหารที่หนีทัพหรือขัดคำสั่งทางการ โทษจำคุกสำหรับชายรัสเซียหนีทหารอาจสูงถึง 10 ปี
รายงานเปิดเผยว่า การระดมพลบางส่วนของปูติน มีการระดมกำลังพลเพิ่มขึ้นกว่า 300,000 นาย ในขณะที่ OVD-Info องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า มีประชาชนอย่างน้อย 700 ราย ถูกจับกุมตัวไปเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (24 ก.ย.) ในขณะที่มีประชาชนกว่าอีก 1,000 ราย ถูกจับกุมตัวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการออกมาประท้วงต่อต้านการระดมพลในครั้งนี้ของปูติน
เซเลนสกีได้ออกมาแถลงในภาษารัสเซีย ซึ่งเป็นภาษาแรกของตนเอง เพื่อขอร้องให้ชาวรัสเซียยอมจำนนต่อยูเครน แทนที่จะเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีโทษฐานอาชญกรสงคราม หลังจากที่ความขัดแย้งในครั้งนี้ที่ดำเนินมาแล้วกว่า 7 เดือนยุติลงในอนาคต เซเลนสกียืนยันว่า ทางการยูเครนจะปฏิบัติต่อชายรัสเซียที่หนีทัพตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ และจะไม่มีการส่งตัวคืนพวกเขาไปยังฝั่งรัสเซีย หากพวกเขากลัวผลที่จะตามมา
“มันดีกว่าที่จะยอมจำนนมาอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของยูเครน มากกว่าการที่จะถูกสังหารด้วยการยิงจากอาวุธของพวกเรา” เซเลนสกีระบุในการแถลง
ปูตินลงนามในกฎหมายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ชาวรัสเซียที่หนีทัพ ปฏิเสธที่จะต่อสู้ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง หรือยอมจำนน ต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี ทั้งนี้ ความพยายามในครั้งนี้ของประธานาธิบดีรัสเซีย ถูกมองว่าเป็นความพยายามที่จะฟื้นความคิดริเริ่มในการรบที่ยูเครนใหม่อีกครั้ง หลังจากที่กองกำลังของรัสเซียประสบความพ่ายแพ้ในสนามรบอย่างรุนแรงในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ในอีกทางหนึ่ง การลงประชามติปูทางไปสู่การผนวกดินแดนเข้าเป็นของรัสเซีย ยังคงดำเนินต่อไปใน 4 ภูมิภาคของยูเครน ได้แก่ ลูฮานสก์ โดเนตสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย อย่างไรก็ดี ยูเครนและชาติตะวันตกออกมาประณามการลงคะแนนเสียงที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนี้ ยังมีรายงานจำนวนมากชี้ว่า ประชาชนในพื้นที่ถูกข่มขู่ให้ลงคะแนนเสียงโดยทหารรัสเซียติดอาวุธ
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า ภูมิภาคใดๆ ที่ลงคะแนนเสียงผนวกตัวเองเข้าเป็นของรัสเซีย จะได้ระบการคุ้มครองเต็มรูปแบบ และจะมีการผูกมัดภูมิภาคนั้นๆ เข้ากับกฎหมายและหลักการของรัสเซีย โดยถึงแม้ว่าการผนวกดินแดนในครั้งนี้ จะไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่รัสเซียอาจนำกรณีดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างว่า อาณาเขตของตนตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากอาวุธของชาติตะวันตก ที่จัดหามาให้กับทางยูเครน และจะส่งผลให้สงครามทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
การระดมพลของปูตินส่งผลให้ชายชาวรัสเซียจำนวนมากขับรถหนีไปยังพรมแดน หรือซื้อตั๋วเครื่องบินแบบเที่ยวเดียวหนีออกนอกประเทศ พรมแดนในหลายที่กำลังเปิดรับชาวรัสเซียภายใต้เงื่อนไขเดิมที่ไม่ต้องมีการขอวีซ่าเข้าเมือง เช่น จอร์เจีย และฟินแลนด์ ในขณะที่เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย สั่งปิดพรมแดนใส่ชาวรัสเซีย ด้วยเหตุผลว่าพวกตนไม่พร้อมที่จะให้สถานะการลี้ภัยโดยอัตโนมัติแก่ผู้ที่หลบหนีการระดมพลของปูติน
Baltic News Service รายงานโดยอ้างคำพูดของ ลอรี ลาเนเมทส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเอสโตเนีย ว่าการรุกรานยูเครนเป็น “ความรับผิดชอบร่วมกันของพลเมืองรัสเซีย” และตนหวังว่าการปฏิเสธไม่ให้ชาวรัสเซียเดินทางเข้าประเทศตนจะช่วย “เพิ่มความไม่พอใจ” ในรัสเซียต่อระบอบปูติน
ที่ว่า: