ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯเผยหลังประชุม ศบค.แนะเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็ม วอนม็อบจะนะรักษ์ถิ่นเลิกชุมนุม มอบ 'สุพัฒนพงษ์' รับเรื่องแก้ปัญหา ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ประชาพิจารณ์ จะยุติทันทีไม่ได้

วันที่ 13 ธ.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ ศบค. ชุดใหญ่ ครั้งที่ 20/2564 ว่า วันนี้ที่ประชุมได้มีการหารือถึงประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องเคาท์ดาวน์ปีใหม่ การสวดมนต์ข้ามปี และมาตรการด้านการท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งนำเสนอ โดยศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อ โควิด-19 หรือ ศปก.สธ. และนำเข้าศบค.ชุดใหญ่ในวันนี้ โดยมีรายละเอียดมากมายขอให้รอฟังรายละเอียดการแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็ม โดยได้สั่งการไปแล้วให้เตรียมพร้อมฉีดวัคซีน หาดใครจะไปท่องเที่ยวที่มีการจัดงานที่มีคนจำนวนมาก ต้องมีมาตรฐานหลายอย่าง ขอให้รอฟังรายละเอียด แต่ขอสรุปว่าปีใหม่จัดได้แต่ต้องมีมาตรฐานตาม COVID Free Setting และการฉีดวัคซีน ดังนั้นทุกคนเร่งไปฉีดวัคซีนให้ได้โดยเร็วที่สุด

มอบ 'สุพัฒนพงษ์'เคลียร์ปัญหาจะนะ วอนม็อบเลิกชุมนุม

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีการตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมจะนะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ โดยมี สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เพื่อจะนำปัญหาต่างๆเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหา ยืนยันว่า มติ ครม.ไม่ใช่ว่าจะทำนั่นนี่ได้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการทำประชาพิจารณ์ EHIA ซึ่งต้องกลับมาทบทวนใหม่ทั้งหมด โดยจะต้องเป็นกรณีตัวอย่าง ในการทำอะไรบางอย่างก็ตามตามนโยบายของรัฐบาล โดยเจตนารมณ์ของรัฐบาลต้องการให้พื้นที่ภาคใต้ มีรายได้ที่ดีขึ้น มีกิจการและกิจกรรมมากขึ้น ดังนั้นก็ต้องมาทบทวนขั้นตอนและการดำเนินการที่มีปัญหา และเพิ่มการมีส่วนร่วมให้มากขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่าตนขอร้องประชาชนไม่ให้มาร่วมชุมนุมกันอีกเลย เนื่องจากรัฐบาลรับมาพิจารณาให้แล้ว และจะดำเนินการให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน แต่จะให้ยกเลิกเลยคงไม่ได้มั้ง เนื่องจากติดกฎหมายหลายตัว ในเรื่องของการทำประชาพิจารณ์ EHIA การปรับพื้นที่สีเขียวสีม่วง ซึ่งมีกฎหมายของเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ครม.จะสั่งไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องให้หน่วยงานต่างๆไปทำมาใหม่เพื่อให้ถูกต้อง และตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รวมไปถึงข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องอื่นๆที่ดินจะถูกหรือไม่ถูก ใครเป็นเจ้าของ จะต้องไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เดินหน้าไปสู่ความต้องการของประชาชน เพราะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็ต้องไปดูแต่สิ่งสำคัญคือไม่อยากให้คนที่ ไม่เกี่ยวข้อง เข้ามาทำให้เกิดความวุ่นวาย กระบวนการทำได้อยู่แล้วขอให้เชื่อมั่น ตนไม่ได้หยุดคิด เรื่องนี้เลยมาหลายวัน ที่ไม่ได้พูดเรื่องนี้เพราะต้องการให้คนของเรามาตรวจสอบในขั้นต้น เพื่อทำความเข้าใจให้ดีขึ้น ซึ่งวันนี้มีการตรวจสอบจากหลายหน่วยงานเช่นองค์กรสิทธิมนุษยชน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยขอให้รอการหารือในวันพรุ่งนี้

สั่งทบทวนการนิรโทษกรรมนักโทษคดีคอร์รัปชัน เตรียมแก้กฎระเบียบให้เหมาะสม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง กรณีองค์กรต่อต้านการคอร์รัปชันออกแถลงการณ์คัดค้านให้มีการทบทวรการลดโทษให้ผู้ต้องขังคดีคอรัปชั่นเพราะเป็นการสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้เศรษฐกิจประเทศ ว่า ตนได้นำเรื่องนี้มาทบทวน ซึ่งหลายวันที่ผ่านมาที่ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ เพราะว่าต้องศึกษาหลายละเอียดในหลายเรื่อง ทั้งกฎระเบียบของกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการคัดกรองตรงนี้ จึงกำลังทบทวนศึกษาว่ามีรายละเอียดอะไรที่ไม่เหมาะสมตรง บางทีเรื่องเก่ากำหนดไว้ ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าความผิดเสียหายมากน้อยอะไรอย่างไรไม่มีในตรงนี้ ซึ่งเรื่องการทุจริตก็เข้าเกณฑ์ในการพิจารณาแต่ต้องดูว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้มีความเหมาะสมหรือไม่ ที่ตนต้องแก้ไขตรงนี้หากไม่เหมาะก็ต้องปรับแก้ใหม่ ซึ่งปีที่ผ่านมามีการนิรกรรมโทษปีละ 2 ครั้งมาแล้ว 2 ปี จึงต้องดูว่าจะทำอย่างไรในบางกรณีมีความแตกต่างมีผลเสีย มีความเสียหาย ต้องไปแก้ไขกฎระเบียบตรงนั้น 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของ พ.ร.บ.อาจจะมีการแก้ไขบ้าง แต่ก็ยืนยันว่าตนจะแก้ปัญหานี้ให้ดีที่สุด อย่าให้เกิดปัญหาความวุ่นวายขึ้นในตอนนี้ ทุกอย่างมีกฎระเบียบทั้งสิ้น ตนศึกษารายละเอียดแล้วก็มีอีกหลายตัว ทั้ง นักโทษชั้นดี นักโทษชั้นเยี่ยม มีการลดโทษเท่าใด แต่ไม่ได้มีกำหนดไว้ว่าในแต่ละปีถ้ามีการนิรโทษจะให้กี่ครั้งไม่ได้เขียนตรงนี้ไว้เลยก็ต้องมีการทบทวนใหม่ทั้งหมดเพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว