ไม่พบผลการค้นหา
ขึ้นเทศกาลปีใหม่ อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนนิยม คือ "การหาหมอดู" เพื่อฟังคำทำนายทายทักว่าชีวิตจากอดีตไปจนถึงอนาคต จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไหม ด้วยสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่ดูไม่มั่นคง 'วอยซ์ออนไลน์' ได้ไปพูดคุย กับ 'หมอวั๊ง' หมอดูอินดี้ ที่คนบันเทิงและคนดังในแวดวงต่างๆ มักจะไปใช้บริการ เพื่อทำนายดวงชะตาชีวิต

"ในปี 2563 ดวงชะตาของคุณ จะร่ำรวยเงินทอง เจริญในหน้าที่การงาน" คงจะเป็นคำทำนายที่ผู้ไปดูดวง ไปหาหมอดูอยากได้ยิน วอยซ์ออนไลน์ ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับหมอดูชื่อดัง ที่คนในวงการบันเทิงและคนดังในแวดวงต่างๆ ให้ความนับถือ และมาดูดวงชะตากับเขาอยู่บ่อยครั้ง นั่นคือ 'หมอวั๊ง หมอดูอินดี้' ที่พยากรณ์ดวงชะตาด้วย 'ไพ่ออราเคิล' พยากรณ์ด้วยไพ่ที่เป็นรูปภาพ จับความรู้สึก ความคิดของเจ้าชะตา รวมไปถึงการพยากรณ์บนเหตุบนผล และความเป็นปัจจุบัน

หมอวั๊ง หมอดูอินดี้ เปิดเผยว่า ทุกๆ ปี จะมียอดผู้คนมาดูหมอดูเพื่อทำนายดวงชะตาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างช่วงของปี 2562 คนที่มาดูเยอะขึ้น "อันดับแรกๆ ที่คนมักจะถามและกังวลมากที่สุด เรื่องของปากท้อง เรื่องของงาน เรื่องของอาชีพ เรื่องของงานประจำก็ดี เรื่องของธุรกิจการค้าขายก็ดี อันนี้เป็นปัญหาที่ท็อปอันดับ 1 รองลงมาก็เป็นเรื่องเงิน ซึ่งก็เป็นความเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว เรื่องของปากท้อง อาชีพ การทำมาหากิน แล้วก็เรื่องของเงินทอง ความมั่นคงในชีวิต ด้วยกระแสของการพูดถึงกันค่อนข้างเยอะ เรื่องของภาพรวมทางเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ใช่บ้านเราที่คนกังวลและวิตก ในปี 2563 ทุกวันนี้ เงินคือทุกอย่างในการดำเนินชีวิต นอกนั้นอันดับ 3,4,5 ก็หนีไม่พ้นเรื่องความรัก 

ที่น่าสนใจในปีที่ผ่านมา คือ เรื่องของการเจ็บป่วย ที่อันดับ 1 ผู้มาดูดวงชะตา จะบอกเลยคือ โรคซึมเศร้า วั๊ง ดูเคสคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเยอะมาก มากจนรู้สึกว่ามันกลายเป็นโรคติดต่อไปแล้วหรือเปล่า ซึ่งถามว่า แล้วเราช่วยได้เหรอ อันนี้พูดกันตรงๆ ว่าเขามาดูดวงทำไม บางทีเราก็มานั่งย้อนถาม เป็นโรคแบบนี้ต้องไปพบจิตเวชไหม หรือว่ามันไม่ควรจะเป็นหมอดูไหม ปรากฏว่าจริงๆ แล้วถ้าเราทำความเข้าใจเขา คนตรงนี้ที่มีปัญหาเรื่องนี้ หรือเจ็บป่วยเรื่องนี้อยู่ เราต้องเป็นคนกลาง คนกลางคือ มีความรู้บ้างว่าโรคซึมเศร้ามันเป็นยังไง กับความไม่รู้บ้างเพื่อที่จะเป็นคนที่เปิดใจและฟังเขา ให้ฟังเราครึ่งหนึ่ง แล้วให้ใช้วิจารณญานของตัวเองครึ่งหนึ่ง ดวงมันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่ไม่มีเลย มันก็เหมือนเดินทางโดยไม่มีแผนที่ มันก็เสียเวลา" 

หมอวั๊ง 3.JPG

การเป็น 'หมอดู' ในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ดูดวงชะตา แต่คือ 'ที่ปรึกษาชีวิต'

หมอวั๊ง มองว่า ปัจจุบัน ผู้ที่เป็นหมอดูไม่ใช่แค่มีความรู้ เรื่องศาสตร์หมอดูที่ตัวเองมีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง

"มันไม่ใช่แค่เรื่องของการไปเก่งในศาสตร์หนึ่งศาสตร์ใด ไม่ใช่แค่เรื่องของการไปเรียนเยอะหลายๆศาสตร์ ไม่ใช่แค่เรื่องของ การเชื่อมั่นว่าตัวเองดูดวงได้ ทายดวงแม่น มันไม่ใช่นะ จริงๆ แล้วคุณต้องพัฒนา และเรียนรู้สิ่งรอบตัวมากๆ หมอดูมันจะรู้แค่เรื่องดวงไม่ได้ ต้องมีความรู้รอบตัว อย่างคนมาดูเกี่ยวกับการทำธุรกิจ ปัจจุบัน เรื่อง ธุรกิจออนไลน์ กำลังมาแรง เราต้องดูดวงเขา บวกกับความรู้ที่มี เพื่อแนะนำ"


หมอดู คู่กับ หมอเดา

กับคำที่ว่า หมอดู คู่กับ หมอเดา ดูเหมือนจะคู่กัน หมอวั๊งบอกว่า ก็จริงนะ!

"หมอดูเดาเก่ง แต่คำว่าเดาในฐานะที่เราเป็นหมอดู วั๊งจะบอกเลยว่า บางอย่างเราจำเป็นต้องเดา เพราะมันต้องมีหลักการของการเดา เดาเพื่อที่จะพูดให้เขา อาจจะนึกร่วมไปกับเราได้ว่า เรื่องนี้หรือเปล่าที่เขามองข้ามไป บางทีเราไม่ได้รู้เรื่องราวเขาทั้งหมดถูกไหมคะ ในดวงมันก็จะบอกภาพรวม สมมติ มันขึ้นเตือน เขาถามว่ามีอะไรต้องระวังไหม มันขึ้นเรื่องสุขภาพ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นที่ตัวเขาคนเดียวถูกไหมคะ แต่มันอาจจะหมายถึง ญาติพี่น้องผู้ใหญ่ ก็ได้ แต่มันมาขึ้นในดวงเขาเพราะเราดูดวงเขาอยู่ไง ถูกไหมคะ หรืออย่างบางทีญาติผู้ใหญ่ระวังนะ แต่ปรากฏตัวเขาไม่เป็นอะไรเลย อ้าวลืมดูแล กำลังว่าจะไปเยี่ยม เยี่ยมไม่ทันเสียซะแล้ว ก็มีเกณฑ์ตัวนี้ อะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้น มันก็เหมือนกับคำว่าเดา แต่บางคนที่เขาอาจไม่ได้มีความชอบหรือความเชื่อในเรื่องนี้ เขาก็จะตีกว้านไปเลย เดาไปเรื่อย มั่วไปเรื่อย อันนั้นเราห้ามไม่ได้จริงๆ มันเป็นความคิดที่แตกต่าง ซึ่งถามว่าเขาผิดไหมที่คิดกับเราแบบนี้ ไม่ผิด"

"การดูดวงนะ มันเหมือนกูเกิ้ลแมป บางทีปลายทางที่ให้เราไป มันก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะตรงทุกครั้ง มันอาจจะมีผิดเพี้ยนบ้าง แต่ยังไงก็ถึง แต่มันจะมีผิดเพี้ยนบ้าง ถึงมันจะไม่ดีที่สุด คนก็ยังใช้และอ่านมันอยู่ดี ก็เหมือนการดูดวง แต่การที่เราจะเป็นหมอเดา มันเป็นการเดาที่ไม่ใช่อยู่ๆ ก็อุปโลกน์ทั้งหมด แล้วพูดให้เขาฟัง แต่คำว่าเดา คือบางครั้งเราต้องเดา ในศาสตร์ที่เราดูว่า มันจะไปเป็นตรงไหน เพื่อที่จะให้เขาได้ใช้โอกาสอย่างดีที่สุด ไม่เสียมันไปหรือไม่พลาด หรือ 2. เขาควรต้องระวังจุดนี้ ซึ่งบางทีทั้งเขาและเราก็นึกไม่ถึง แค่นั้นเอง"

หมอวั๊ง 2.JPG

หมอวั๊ง ย้ำในฐานะหมอดู ว่าหากงมงายเกินไปมันไม่มีประโยชน์ แต่หากไม่เชื่ิอเลยก็ไม่ใช่ การดูดวงเป็นเพียงแค่ไกด์ไลน์ ให้พิจารณา และใช้ชีวิตอย่างรอบคอบมากขึ้น

"ถ้าพูดถึงคนที่มีความเชื่อในเรื่องการดูดวง 1.งมงายมากไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์ 2. ไม่เชื่อเลยก็อาจจะเสียโอกาส เพราะฉะนั้นการดูดวง ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบมากชอบน้อย ดูดวงด้วยศาสตร์ไหนศาสตร์ใด หรืออาจารย์ทันใดก็ตาม ให้อยู่กับความเป็นจริง ให้อยู่กับตรงกลางของชีวิต ดวงไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ดวงเป็นแค่ไกด์เอาไว้ให้เราได้พิจารณา การเตือน เป็นการสะท้อนให้รู้ว่า เรื่องนั้นเรื่องนี้ คุณรู้หรือยัง คุณรู้หรือเปล่า มันอาจจะเกิดแบบนี้ เพื่อให้เรามีความระมัดระวังและรอบคอบ ในการใช้ชีวิตมากขึ้น และ วั๊งเชื่อว่า ตราบใดก็ตามที่มนุษย์มีสติ และใช้ความรอบคอบในการดำเนินชีวิต ชีวิตหรือดวงชะตาของคุณมันจะดี มากกว่าที่จะผิดพลาดเสียหาย"


"หมอดูไม่ใช่ผู้วิเศษนะ หมอดูก็ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง ยังกิน ยังถ่ายปกติ เพราะฉะนั้น คุณจะเชื่อหมอดูทุกเรื่องมันเป็นไปไม่ได้"


หมอวั๊ง 4.JPG

ปี 2563 สิ่งที่คนที่เกิดทั้ง 7 วัน ทุกปีนักษัตร ต้องระวัง

อันดับแรกเลย ใครมีงานมีอาชีพอยู่ ทำให้ดีที่สุด รักษางานของตัวเองให้ดีที่สุด เพราะปีหน้างานเลือกคน ไม่ใช่คนเลือกงาน อย่าประมาท อย่าเย่อหยิ่ง อย่าทะนงในการทำมาหากิน เรื่องปากเรื่องท้องประมาทไม่ได้ เรื่องที่ 2 จำเป็นต้องกินจำเป็นต้องใช้ ให้ใช้เท่านั้น ไม่ใช่ ของมันต้องมี เรื่องที่ 3. คือสุขภาพ เรื่องความเครียด หากระวังทั้ง 3 เรื่อง ไม่ว่าจะเกิดวันไหน ราศีไหน คุณดูแลทั้ง 3 เรื่องนี้ได้ ยังไงก็รอด

อย่างราศีนี้ ราศีนั้น คนเกิดวันนั้นวันนี้ จะรวย แต่ถามว่า การทำนายมาตรงกับทุกคนไหม ก็ไม่ เพราะฉะนั้น ทั้ง 12 นักษัตร ปีหน้าจะโดนคล้ายๆกัน แต่ต้นทุนดวงของแต่ละคนต่างกัน ใครที่รู้ตัวว่าบกพร่องใน เรื่อง 1 ใน 3 นี้ ให้จัดการซะ ถ้าคุณไม่พยายามปรับวิถีการใช้ชีวิต ก็ไม่เปลี่ยน ความไม่ประมาทในชีวิต เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้ว