The Verge รายงานว่า 'ทราวิส คาลานิก' ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอูเบอร์ ประกาศลาออกจากคณะกรรมการบริหารของบริษัททันทีหลังการเทขายหุ้นมูลค่ากว่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 75,350 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นทั้งหมดที่เขามี ความเคลื่อนไหวครั้งนี้หมายความว่าคาลานิกต้องการที่จะตัดขาดตัวเองออกจากอูเบอร์อย่างสิ้นเชิง
คาลานิกจะทำงานที่อูเบอร์ บริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งมากับมือ ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2019 เป็นวันสุดท้าย ซึ่งหลังจากนี้เขาจะเดินหน้าทำกิจกรรมเพื่อการกุศลและสร้างธุรกิจใหม่อย่างเต็มรูปแบบ โดยธุรกิจใหม่ที่ว่านี้มีชื่อว่า CloudKitchens เป็นสตาร์ทอัพที่เขากล่าวไว้กับ The Information ว่าจะยิ่งใหญ่กว่าอูเบอร์อย่างแน่นอน
ขณะที่ The New York Times รายงานว่าคาลานิกจะทำการขายหุ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือภายในวันนี้ (26 ธ.ค.)
"เราเดินมาถึงช่วงสุดท้ายของทศวรรษ และตอนนี้อูเบอร์ก็กลายเป็นบริษัทมหาชนไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ผมจะหันไปโฟกัสที่ธุรกิจของผมและกิจกรรมเพื่อการกุศลแทน" คาลานิกระบุในแถลงการณ์
ทั้งนี้ ตลอดช่วงการทำงานของคาลานิกที่บริษัทอูเบอร์นั้นเต็มไปด้วยเรื่องฉาวมากมาย เช่นเมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของบริษัทอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยเครื่องมือลับของอูเบอร์ที่เรียกว่า Greyball ซึ่งสามารถระบุได้ว่าสถานีตำรวจของเมืองใหญ่ๆ อยู่ตรงไหน ก่อนจะแจ้งไปยังคนขับอูเบอร์เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเส้นทางนั้น และสามารถลดความเสี่ยงในการโดนจับกุมได้ในการให้บริการในเมืองที่อูเบอร์ถูกแบน
นอกจากนั้น ก็ยังมีการออกมาเปิดโปงพฤติกรรมการเหยียดเพศในบริษัท เมื่ออดีตวิศวกรซอฟท์แวร์หญิงชื่อ ซูซาน โฟว์เลอร์ แฉผ่านบล็อกส่วนตัวว่าอูเบอร์คือฝันร้ายและเป็นบริษัทที่มีพฤติกรรมเหยียดเพศ ซึ่งเธอเองถูกหัวหน้างานล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปทำงานก่อนจะนำไปสู่มหากาพย์อีกมากมายตามมาจนต้องมีการสืบสวนครั้งใหญ่ และด้านคาลานิกเองก็เคยถูกจับได้จากภาพวิดีโอที่ตัวเขาไปมีเรื่องและกล่าวตำหนิอย่างรุนแรงใส่คนขับอูเบอร์รายหนึ่ง จนเกิดการแชร์ไปทั่วโลก ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบริษัทอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หลังการถูกกดดันจากคณะผู้บริหารระดับสูงอย่างหนัก คาลานิกได้ตัดสินในลาออกจากตำแหน่ง CEO ของอูเบอร์ในปี 2017 เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก่อนที่ ดารา โคสโรชาฮี จะเข้ามารับตำแหน่ง CEO แทนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่บริษัทอูเบอร์เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ ด้วยมูลค่า 45 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น