วันที่ 13 ส.ค. 2565 ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ระบุกรณีศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 และ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ได้ลงพื้นที่ที่ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม นำต้นกล้ากัญชาไปแจกทุกครัวเรือน พร้อมประกาศว่า จะยกระดับนครพนมเป็น "มหานครแห่งกัญชา" เป็นข่าวไปทั่วประเทศและทั่วโลกว่า ในฐานะที่เป็นผู้แทนชาวจังหวัดนครพนมด้วยผู้หนึ่ง ได้ตระเวนสอบถามความเห็นชาวบ้านทั่วไป โดยเฉพาะ หมอ อสม. ครูบาอาจารย์ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.พระสงฆ์ ฯลฯ ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ลำพังยาบ้า รัฐบาลยังเอาไม่อยู่ สร้างความเสียหายให้กับสังคม ลูก หลานเยาวชนที่อยู่ในวัยอยากรู้ อยากลอง ประเทศชาติบ้านเมืองเสียหายหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ถ้าส่งเสริมการปลูกกัญชากันทุกครัวเรือน ใครจะรับรองได้ว่า จะเอาอยู่ ลูก หลานเยาวชนเสียอนาคต ใครจะรับผิดชอบ
ชวลิต ระบุว่า กัญชาควรนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่ปัจจุบันจะออกไปในทางนันทนาการมากกว่า ซึ่งยากต่อการควบคุม ยิ่งสนับสนุนเผยแพร่กันอย่างกว้างขวาง โฆษณากันเอิกเกริกเช่นนี้ เอาไม่อยู่แน่ นครพนมเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงาม ทั้งริมฝั่งโขงเทือกเขาภูพาน และภูลังกา มีวัฒนธรรมชนเผ่าที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญ มีพระธาตุพนมเป็นศูนย์รวมจิตใจ ศูนย์รวมศรัทธาของชาวพุทธในจังหวัดนครพนม ในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ในทุกอำเภอในจังหวัดนครพนมยังมีพระธาตุประจำวันเกิด ซึ่งถือเป็นพระธาตุลูก โดยมีพระธาตุพนมเป็นพระธาตุแม่
ดังนั้น นครพนมจึงเป็นจังหวัดที่มีทั้งความสวยงามตามธรรมชาตื สงบ ร่มเย็น ผู้คนอัธยาศรัยไมตรีดีงาม ภายใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา การจะยกระดับนครพนมเป็น "มหานครแห่งกัญชา" ได้ถามชาวบ้านแล้วหรือยัง ที่สำคัญ คำว่า "มหานครแห่งกัญชา" เป็นคำที่ไม่เป็นมงคล ชาวบ้านรับไม่ได้ และจะเป็นที่อับอายขายหน้าไปทั่วประเทศและทั่วโลก
ชวลิต กล่าวว่า เห็นด้วยกับชาวบ้านและภาคส่วนต่าง ๆ ควรเน้นจุดเด่นของนครพนมที่เป็นเมืองแห่งธรรมะ เมืองที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ สงบสุข ร่มเย็น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวในจังหวัดนครพนมกำลังโตวันโตคืน นอกจากประชาชนจะหลั่งไหลมากราบนมัสการพระธาตุพนมแล้ว ยังเดินทางมาสักการะ "พญาศรีสัตตนาคราช" ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดนครพนม นำเงินรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าจังหวัดจำนวนมาก
“ผมและชาวบ้านไม่ได้ต่อต้านกัญชาเพื่อการแพทย์ และเห็นควรควบคุมอย่างเข้มงวดก่อนที่ลูก หลานเยาวชนของเราจะเสียหายไปมากกว่านี้ แล้วจะแก้ไขได้ยากอย่างยิ่ง”