ไม่พบผลการค้นหา
2 ส.ส.ชำแหละโรคระบาด AFS มงคลกิตติ์ตั้งคำถามปกปิดข้อมูล ทำหมูแพง ควบคุมช้า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ปดิพัทธ์จากก้าวไกลระบุ ถ้าปล่อยผ่านการปกปิดข้อมูลเช่นนี้ นายทุนสบาย กินรวบต้นน้ำถึงปลายน้ำ และเตรียมตัวพบการระบาดไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มเจอแล้ว H5N6

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายถึงการร่วมกันกักตุนหมูทำให้มีราคาแพงทั้งแผ่นดิน โดยกล่าวหานายกฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ ประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยระบุว่า

คนไทยบริโภคหมูวันละ 50,000 ตัว แต่ผลิตได้ 40,000 ตัว ปีหนึ่งยังขาดประมาณ 3 ล้านตัว ราคาหมูก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ราคาสุกรมีชีวิตขายที่ 72.72 บาทต่อ ก.ก. สุกรแช่แข็งขายที่ 122.76 บาท เมื่อเกิดวิกฤตโรคระบาด อาหารสุกรแพงขึ้นมากและผู้กำหนดรราคาคือเจ้าสัว 

หากดูในภาพรวมจะพบว่า ไทยผลิตหมูได้ปีละ 18 ล้านตัว CPF ครองตลาดสูงสุด 22.77% หรือราว 5 ล้านตัว 

เมื่อ ASF เข้ามาตั้งแต่ 2562 มีการอนุมัติงบป้องกันตลอดทั้งปี เดือน มิ.ย.2564 มีรายงานหมูป่วยลักษณะ ASF หลายจังหวัด ทำไมกรมปศุสัตว์ไม่มีรายงานมีโรคนี้ระบาด ขอถามอธิบดีกรมปศุสัตว์ รมช.เกษตรฯ ว่าทำไมต้องปกปิดข้อมูล หรือเพราะกลัวกระทบฟาร์มเจ้าสัวใหญ่หรือเปล่า 

หากดูราคาสุกร ตั้งแต่เดือน ส.ค.2564 ราคาขายปลีกอยู่ 150 กว่าบาท แต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปลายเดือน ธ.ค. 2564 ราคาขายปลีกอยู่ประมาณ 200 บาท โดยในตลาดราคาจริงขึ้นไปถึง 250 บาท ณ วันที่ 25 ม.ค.2565 ราคาขายปลีกเนื้อหมูอยู่ที่ 220 บาท แต่สถานการณ์จริงๆ ขายกันตั้งแต่ 250-270 บาท หลังจากนั้นมีการจับกุมผู้กักตุนสุกรแช่แข็งที่สงขลา 2 เจ้า เป็นจับพอเป็นพิธีว่าอย่างน้อยก็ทำงาน  

สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นการทุจริต จากเดือน ส.ค. 2564 ราคาอยู่ประมาณ 154 บาท แต่เพิ่มมาถึง 220 บาท คิดเป็น 42.8% เรียกว่าฟันกำไร 1.8 หมื่นล้านบาทใน 3 เดือน เงินนี้ไปสู่เจ้าสัวฟาร์มสุกร นักการเมืองที่มีฟาร์มใหญ่ นักการเมืองและข้าราชการประจำ (นำเสนอชาร์จอักษรย่อ)

คำถามก็คือ นายกฯ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจทราบอยู่แล้วว่าสุกรเสียหาย เกษตรกรลำบากมาก ทำไมนายกฯ ไม่วางแผนอะไรเลย ทราบอยู่แล้วว่าต้นทุนราคาอาหารสัตว์เพิ่ม ทำไมไม่มีมาตรการมาแก้ปัญหา ทั้งยังกลับนิ่งเฉย ทราบอยู่แล้วว่า ผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยไปไม่ไหว ทำไมไม่หาเงินทุนมาช่วยพยุงพวกเขา ทราบอยู่แล้วว่า สุกรติด ASF ทำไมไม่จี้กรมปศุสัตว์ให้เร่งแก้ปัญหา ไม่ใช่ปกปิด ท่านบกพร่องหรือไม่ ทำให้สุกรขาดตลาดถึง 20% กระทรวงพาณิชย์ ไม่นำเข้าสุกรชั่วคราวเพื่อรักษาระดับราคาสุกรไม่ให้สูงขึ้น ทั้งที่กำกับกรมการค้าภายใน ทำงานล่าช้า ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนพุ่ง แต่รายได้เท่าเดิม เป็นกาซ้ำเติมพี่น้องประชาชน

มงคงกิตติ์ย้ำว่า ผู้ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ คือ 1.กรมปศุสัตว์ที่ไม่ยอมรับการระบาด ยอมรับช้าเกินไป 2.กรมการค้าภายในที่ควบคุมราคาสุกรล่าช้า จับกุมการกักตุนเป็นพิธี, 3. รมช.เกษตร ที่รับผิดชอบกรมปศุสัตว์โดยตรง ตอบคำถามประชาชนก็ไม่ชัดเจน รวมถึงรมว.พาณิชย์ด้วย

มงคงกิตติ์ยังกล่าวถึงเรื่องพลังงาน โดยกล่าวหา รมต.พลังงาน และนายกฯ โดยระบุว่าประเทศไทยเก็บภาษีหลายอย่างมาก รายได้จากน้ำมัน ปี 2564 ไทยใช้น้ำมัน 159 ล้านลิตร ปัจจุบันเหลือ 106 ล้านลิตร รัฐบาลเก็บภาษีลิตรละประมาณ 6 บาทไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม รีดภาษีประชาชน 19,238 ล้านบาทต่อเดือน การออกมติ ครม.ลดภาษีน้ำมัน 3 เดือน ชาวบ้านดีใจ แต่จริงๆ แล้วเอาเงินไปชดเชยราคาในกองทุนน้ำมัน เรายังใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม และการลดภาษีนี้ นายกฯ ไทยก็รู้สึกช้ากว่านายกฯ อินเดีย 3 เดือนครึ่ง

"คิดว่าถ้าไม่เก็บภาษีน้ำมัน คงยาก เพราะรัฐบาลหาเงินไม่ได้ ขนาดเก็บภาษีน้ำมันปกติ ยังขาดทุน 1.7 แสนล้านบาท"

ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวถึงวิกฤตโรคระบาดหมู AFS เช่นเดียวกัน โดยชี้ให้เห็นว่า จุดตัดที่ราคาหมูเริ่มลดต่ำลง อยู่ที่วันที่ 11 ก.พ.2565 ที่รัฐออกมายอมรับว่ามี ASF โดยรัฐบาลเคลมผลงานการตรวจสอบการกักตุนหมูซึ่งเป็นละครตบตา ทั้งรัฐบาลรู้มานานแล้วแต่ท่องตามโพยว่า 'ไม่มี ASF' นั่นทำให้เกษตรกรรายย่อยเดือนร้อนหนัก แต่กลุ่มทุนใหญ่มีหมูขายไม่อั้น ทำกำไรมหาศาล ส่งออกทะลุเป้า กินรวบเบ็ดเสร็จ กรมปศุสัตว์รายงานว่า มีการเพิ่มกำลังการผลิตในฟาร์มขนาดใหญ่เต็มไปหมด พวกเขารู้ก่อนและมีศักยภาพเต็มที่ในการทำกำไร 

โรคนี้เริ่มเข้ามาในภาคเหนือตั้งแต่ปี 2562 พอปี 2563 รัฐบาลทำลายหมูไปรวม 3 แสนตัว จ่ายเงินชดเชยรวม 1 พันล้านบาทโดยบอกว่าหมูเป็นโรคเพิร์ส ทั้งที่มันเป็นโรคประจำถิ่นที่มีวัคซีน ในช่วงปี 2563 ช่วงที่รัฐบอกไม่มี ASF ระบาด การส่งออกหมูเติบโต 400% รมช.เกษตรฯ ยังยิ้มแย้มกับผลงานนี้ราวกับเป็นพนักงานบริษัทส่งออกหมู นั่นทำให้เกิดหายนะอย่างหนักในปี 2564 เกษตรกรก็ต้องรีบขายหมูที่ป่วยโดยโดนโบรกเกอร์กดราคาขาดทุนย่อยยับ วิ่งจับกันทั้งวันทั้งคืนจนเชื้อกระจายทั่วประเทศ ผ่านด่านไม่ต้องตรวจเพราะมีการจ่ายสินบน นี่คือความโหดร้ายของปี 2564 ที่ทำให้คนเลี้ยงหมูหายไป 2 แสนราย 

"ถามว่า นายกฯ มีน้ำยา มีปัญญาปรับ ครม.หรือไม่ ถ้ารัฐมนตรีท่องแต่ไม่รู้ๆ เป็นพล.อ.ประวิตรกันไปหมด แล้วปรับคณะรัฐมนตรีไม่ได้ ท่านก็ไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี" ปดิพัทธ์กล่าว

ปดิพัทธ์กล่าวอีกว่า ถ้าไม่ทำอะไรต่อจากนี้ ปล่อยให้กรมปศุสัตว์มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลแบบนี้ จะทำให้ทุนใหญ่กินรวบได้ทั้งหมด คุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และควบคุมได้ถึงแผงขายในตลาดสด เพราะตอนนี้ไม่มีหมูของคนอื่นไปขายแล้ว การระบาดของโรคอุบัติใหม่จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการปกปิดข้อมูล ใน 3 ปีที่ผ่านมาเจอแล้ว 3 โรค กาฬโรคม้า ลัมปีสกินในโคกระบ และ ASF ใน หมู ในอนาคตข้างหน้าเราเตรียมเจอโรคระบาดหวัดไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ได้เลยในไก่ เพราะตอนนี้เริ่มมีรายงานการพบ H5N6 แล้วในจีน