ในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชื่อของ ‘นที สุทินเผือก’ หรือ ‘กรุง ศรีวิไล’ นักแสดงรุ่นเก๋าระดับตำนาน ผู้กวาดรางวัลการันตีฝีมือการแสดงมาจนคร่ำหวอดกลับมาปรากฎบนสื่ออีกครั้งหลังลาจอโทรทัศน์ไปอย่างยาวนาน
กระทั่งล่าสุด 'กรุงศรีวิไล' ผู้แทนราษฎรเมืองปากน้ำ ลงทุนใช้สังขารวัย 76 ปี ก้มลง ‘กราบเท้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2565 ภายหลังสร้างพลังต่อรองทางการเมืองผ่าน ส.ส.ก๊วนปากน้ำ กดดัน 3 ป.ผ่านการโหวตสวนมติพรรคในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายปลายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงพลังไม่พอใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ไม่เหลียวแล ส.ส.ในพื้นที่
‘วอยซ์’ นัดหมายพูดคุยกับ ‘กรุง ศรีวิไล’ 'ปัจจุบันเป็น ส.ส.สมุทรปราการ เขตเลือกตั้งที่ 5 (อำเภอบางบ่อ, อำเภอบางเสาธง และอำเภอบางพลี เฉพาะตำบลหนองปรือและตำบลราชาเทวะ) สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ผ่าน #VoicePolitics เพื่อเจาะลึกถึงเรื่องราว-ของนักการเมืองดีกรีรางวัล 'ตุ๊กตาทอง'
จากอดีต ‘จับกัง’ แบกข้าวสาร สู่พระเอกขวัญใจและกลายเป็นนักแสดงอาวุโส เขาคือผู้รับรางวัล ‘ตุ๊กตาทอง’ จากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ตลอดชีวิตเขาฝากผลงานภาพยนตร์นับแต่ปี 2514 - 2557 ก่อนที่เจ้าของฉายา ‘ซูเปอร์ลูกทุ่ง’ จับพลัดจับผลูสู่ ‘ซูเปอร์องค์รักษ์พิทักษ์ประวิตร’
ตอนเป็นนักแสดงมีแต่คนชื่นชม มีแต่ความสุข ไปไหนก็มีแต่คนต้อนรับเฮฮา แต่เมื่อมาเป็นนักการเมืองมันเป็นความรู้สึกอีกแบบ การเป็นนักการเมืองมันมาแบบกะทันหัน มีที่ไหนหาเสียง 21 วัน ได้เป็น ส.ส. มันก็เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่
ตอนเป็นนักแสดงมีแต่คนชื่นชม มีแต่ความสุข ไปไหนก็มีแต่คนต้อนรับเฮฮา แต่เมื่อมาเป็นนักการเมืองมันเป็นความรู้สึกอีกแบบ การเป็นนักการเมืองมันมาแบบกระทันหัน มีที่ไหนหาเสียง 21 วัน ได้เป็น ส.ส. มันก็เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่
ถ้าย้อนกลับไปช่วงปี 2550 ตอนนั้นไปร้องเพลงที่งานหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ เมื่อออกมาหน้าเวทีแฟนๆ ก็เอาดอกไม้ และพวงมาลัยมาให้หน้าเวทีเต็มไปหมด พอเข้าไปหลังเวทีก็มีคนมาสะกิดหลังบอกว่า “นายอยากคุยด้วย”
พอไปถึงเขาก็ถามว่า “กรุง เล่นการเมืองไหม” ก็เลยถามกลับไปว่า “พรรคอะไร” เมื่อรู้ว่าเป็น พรรคพลังประชาชน ที่ สมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคก็รีบตอบรับทันที เพราะสมัครมีบุญคุณกับตัวเอง เคยชวนไปงานแต่ง ท่านสมัครก็ไปคนเดียว พร้อมหิ้วองค์พ่อพระสยามเทวาธิราชไปเป็นของรับขวัญ และสิ่งนั้นยังอยู่ที่บ้านจนถึงวันนี้
เขาก็บอกให้ไปหาที่พรรคพลังประชาชน ตรงถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งปัจจุบันก็คือพรรคเพื่อไทย ไปรออยู่ราว 2 ชั่วโมงเศษ ก็ไม่มีใครมาเรียก จนต้องเดินไปถาม พี่อ้น (ไชยา สะสมทรัพย์) ซึ่งเป็นนายทะเบียนพรรคอยู่ขณะนั้น สุดท้ายก็ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค และเริ่มหาเสียง
สมัยเด็กๆ เลี้ยงควายอยู่แถวบางพลีน้อย จ.สมุทรปราการ เพราะบ้านเกิดอยู่ที่นั่น วิ่งเล่นตามท้องนา อาศัยอยู่ในวัดกับพระกับเณรตั้งแต่ 5 ขวบ จนสักชั้นประถมก็มาเรียนในตัวอำเภอ แล้วมาสอบเข้าที่โรงเรียนช่างกลฯ แต่เรียนได้ 2 เดือนก็โดนไล่ออก เพราะมาสอบไม่ทัน จนท้ายที่สุดก็มาแบกข้าวสารเป็นจับกังอยู่ท่าเรือคลองเตย ค่าแรงวันละ 80 บาท
ในวงการนักแสดง คนรุ่นใหม่น้อยนักที่จะรู้ว่าผมเคยได้รางวัลตุ๊กตาทองจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 เป็นคนสุดท้าย และก็ยังได้เข้าเฝ้าพระบรมวงศานุวงศ์คนอื่นๆ อีกหลายครั้ง
นอกจากนี้ก็ได้รางวัลเกียรติยศ รางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมจากกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน รางวัลนักแสดงอันดับ 1 แห่งเอเชีย รางวัลพ่อดีเด่นแห่งชาติ หรือรางวัลสายนักแสดงในไทย ได้มาหมดแล้ว
เหตุการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปเยอะ แต่เชื่อไหมว่า สมัยก่อนผมไปงานเดือนสิบ ที่จ.นครศรีธรรมราช ต้องไปประชันกับ ‘โรม ศรีธรรมราช’ ที่ร้องเพลง ‘หลวงปู่ทวดเหยียบใจ’ ผมนั่งรถเบ็นซ์เข้าไปในงาน คนรุมทึ้งกันไม่ให้รถเคลื่อน จนหูช้างพัง ตาเบนซ์หลุด กระจกแตกกระจายไปหมด ก็ไม่รู้สิว่าดังขนาดนี้ หรือจะตอนไปโชว์ตัวที่ อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ คนก็มารอกันจนล้นทะลักขึ้นไปบนเวที ทำให้เวทีพังโค่นลงมาเลย
รู้ไหมว่า คนที่สมัครคู่กับผมเขาเป็นทนาย และมาสบประมาทว่า “โปรไฟล์ทางการเมืองไม่มีเลยหรือ” ผมก็ตอบไปว่าไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจัดการเอง จากนั้นผมก็เอากระดาษมาแผ่นหนึ่งขนาดไม่ใหญ่มาก
หลังเลือกตั้งเสร็จ มีการนับคะแนน ชื่อของกรุง ศรีวิไล มาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 67,000 กว่าคะแนน ตอนนั้นรู้สึกดีใจ และปลาบปลื้มมาก เพราะคนที่รักเราจริงๆ แย่งกันให้คะแนน เพราะเขารู้ว่าผมไม่มีอะไร ผมต้องการเข้ามาช่วยเหลือคนจน คนตกทุกข์ได้ยากจริงๆ
“38 ปี บนจอภาพยนตร์ และโทรทัศน์ ก่อนจะตายจากแผ่นดินบ้านเกิดไป ขอรับใช้พี่น้องสักครั้งหนึ่ง ลงชื่อ รักและคิดถึง”
วันหนึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองขึ้น หลายเสียงก็บอกว่า พรรคพลังประชาชน ที่นำโดย สมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค ก็คือ นอมินีของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ มันจึงเกิดเหตุการณ์ประท้วงโดยกลุ่มพันธมิตรฯ และทางพรรคพลังประชาชนก็ใช้ให้ผมขนเสื้อแดงจาก จ.สมุทรปราการ จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี และจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมาชุมนุมสู้กับอีกฝ่าย เมื่อใช้มาแบบนี้เรื่อยๆ มันก็ไม่ไหว เพราะค่าใช้จ่ายมันค่อนข้างสูง
ขึ้นสิ ขึ้นเวทีทุกคืนในช่วง ตี 1 ถึง ตี 5 ก็ขึ้นไปร้องเพลงแหล่ “มาแล้ว กรุง ศรีวิไล พี่น้องหญิงชาย มากันทั่วแดน พี่น้องที่รัก ชาวเสื้อแดง ขอบคุณแฟนๆ…” ก็ว่าไปเรื่อย ให้พวกแม่ยกที่กำลังหลับอยู่ได้ลุกขึ้นมาเต้น มาเฮฮากัน ส่วนทางฟากภรรยาก็พาเพื่อน และคนรู้จักประมาณ 10 - 20 คน ไปร่วมบริจาคหน้าเวที คืนละ 20,000 - 40,000 บาท
ช่วงประมาณ ตี 4 ตี 5 ก็เคลื่อนขบวนจากสนามหลวงไปปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่ ป๋าเปรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ) พักอยู่ เขาก็ขึ้นเวทีที่มาจากรถบรรทุกคันใหญ่ แล้วด่ากันใหญ่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อ้าย อี กู มึง
เมื่อถึงคราวที่ผมต้องขึ้นไป พวกที่ไปด้วยกันก็บอก “พี่กรุงด่าแม่งเลย” แต่นั่นไม่ใช่วิสัย และไม่ใช่ตัวตนของผม ผมกับป๋าเปรม เรารู้จักกัน ผมเป็นตัวแทนป๋าเปรมเพื่อเดินแบบชุดราชประแตนในวันกาชาดของทุกปี แล้วจะให้ไปด่าป๋าเปรม ผมทำไม่ได้ ทำไม่ลง สุดท้ายก็พูดเพียงแค่ว่า “ท่าน พล.อ.เปรม ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับคนเหล่านี้” แค่นั้น
สุดท้าย 9 คน รวมถึงผมก็ต้องขึ้นศาล แต่เมื่อถึงคราวผม ศาลไม่อ่านคำพิพากษา เพราะผมไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ดี เพราะศาลดูตามข้อเท็จจริง จะไปเถียงท่านไม่ได้ เพราะท่านมีหลักฐานที่เปิดหน้าบัลลังก์ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือก็โดนทั้งติดคุก โดนทั้งลงอาญา เละเทะไปหมด
“คนเราเนี่ย หาแสงใส่ตัว แต่อานี่มันไม่ต้องไปหา อามีของอาตลอด อาหิ่งห้อยตัวน้อย แต่แสงมีตลอดเวลา ถึงเวลามีเอง ไม่ต้องไปปั้นแต่ง ไม่ต้องเอาไฟฟ้าไปฉีด”
พอเห็นรถลุงป้อมมาแต่ไกลๆ ผมก็ลังเลว่าจะขอโทษท่านอย่างไรดี แค่พนมมือขอโทษอย่างเดียวไม่น่าพอ ผมลูกผู้ชาย ผมคุกเข่าก้มลงไปกราบบอก “ขอโทษท่านที่โหวตสวนมติพรรค” และออกคำนิยามไปเลยว่าต้องกระตุกหนวดเสือบ้าง เพราะตอนนี้เสือ (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) หลับสนิท ไม่ลุกมาดูพวกลูกๆ (ส.ส.) บ้างเลย กระจองอแงของบไปพัฒนาพื้นที่ก็เงียบ
อย่าว่าแต่ลุงป้อมเลย ให้เป็นใครก็ตามถ้าเป็นคนดี มีน้ำจิตน้ำใจ มีอะไรเราช่วยเหลือกัน ให้ผมกราบ ผมก็กราบ แต่ถ้าบางคนที่รวยล้นฟ้าของอะไรต่อมิอะไร แต่ถ้ามีจิตใจที่ไม่ดี ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ ไม่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผมก็ไม่สนใจ
พล.อ.ประวิตร แก่กว่าผม 2 ปี ท่านบอก “ไอ้กรุง เราพี่น้องกัน” อย่าว่าแต่พวก ส.ส. เลยนะ ให้เป็นผู้หญิงสาวๆ สวยๆ สาวแก่แม่ม่าย อยู่ใกล้ พล.อ.ประวิตร ก็ต้องรัก พล.อ.ประวิตร ทุกคน รักน้ำใจ รักความโอบอ้อมอารี เพราะแกช่วยทุกคน ส่วนเรื่องแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน มันไร้สาระ ไร้สาระมากๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างของการบริหารจัดการให้กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปเลย เพราะท่าน พล.อ.ประวิตร ท่านไม่ได้ห่วงตัวท่านนะ ห่วงพี่น้องประชาชนมากกว่า เห็นได้จากการที่แกไปลงพื้นที่ จังหวัดนู้นจังหวัดนี้ ด้วยอายุ 77 ปี ผมเองยังงงเลย ว่าแกไปได้อย่างไร
พล.อ.ประวิตร กับผมเรารู้ใจกัน แค่มองตาก็รู้ว่าแกคิดอะไร และท่านเคยบอกกับผมว่า ชีวิตนี้ไม่เอาอะไรแล้ว ทำให้ประชาชนอย่างเดียว ไม่เอาอะไรแล้ว ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ทำให้ประชาชนอย่างเดียว เพราะท่านยึดพระราชดำรัสของในหลวงทุกพระองค์ที่ให้ดูแลพี่น้องประชาชน ท่านยึดอันนี้มากเลย
ถ้า พล.อ.ประวิตร หรือท่าน พล.อ.ประยุทธ์ โกงจริงๆ คนอื่นไม่ต้อง เดี๋ยวผมลุกจากที่นั่งเก้าอี้ในสภาฯ แล้วเดินขึ้นไปกราบท่านเองกับมือ แล้วบอกให้ออกจากตำแหน่ง เพราะว่าหลักฐานมันชัดเจน แต่นี่ไม่มีหลักฐาน
พวกคุณยังไม่รู้กันนะ สมัยผมอยู่พรรคภูมิใจไทย เมื่อ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พ่อของอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปลดระวางงานทางการเมือง ที่ประชุมพรรคก็ถกเถียงกันว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ผมก็ยกมือแล้วพูดเลยว่า “ท่าน อนุทิน ไงครับ เป็นหัวหน้าพรรคไปเลย เพราะเหมาะสมที่สุดแล้ว” ทุกวันนี้ อนุทิน ยังเข้ายังมากอดผมแล้วพูดอยู่เลยว่า “พี่ทิ้งผมมาพรรคพลังประชารัฐได้อย่างไร พี่เป็นคนตั้งผมเป็นหัวหน้าพรรคนะ จำได้หรือเปล่า”
ถ้า อนุทิน โอเคเลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความผูกพันกับท่าน แกเป็นคนมีน้ำใจ ช่วยเหลือคน แล้วมันตรงคอนเซปต์ของผมด้วยที่อยากช่วยเหลือคน ช่วยชาวไร่ชาวนา ท่านอนุทินก็เป็นคนแบบนี้จริงๆ ด้วย ตี 2 ตี 3 มีรัฐมนตรีที่ไหนขับเครื่องบินส่วนตัวขนทีมคณะแพทย์ไปรับหัวใจมาให้ผู้ป่วย ซึ่งถ้าเกิน 2 ชม. คนนั้นจะต้องเสียชีวิต
“ก็อย่างว่า คนเราพอมีทรัพย์สินมากมายแล้วก็ต้องแจกจ่ายให้กับคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา มันเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดแล้ว”
ผมกับ ร.อ.ธรรมนัส เรายังดีกันอยู่ เพราะสมัยก่อน ร.อ.ธรรมนัสกับผม ก่อนที่เขาจะเป็น ส.ส. เล่นการเมือง เราอยู่กับ เสธ.ไอซ์ (พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต) อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มนักเที่ยว ร.อ.ธรรมนัส ก็เป็น ‘นักเลง’ ผมก็เป็น ‘นักบู๊’
นอกจาก เสธ.ไอซ์ แล้วก็ยังมี พล.อ. อัครเดช ศศิประภา แคล้ว ธนิกุล ผู้พันตึ๋ง (พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ) พวกนี้มันน้องผม ทั้งนั้น
ผมยังมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐนะ อยู่ไปจนถึงหลังการประชุมเอเปค 2022 หากมีการยุบสภาจริงๆ เชื่อว่าพรรรคพลังประชารัฐต้องมีอะไรที่เซอร์ไพรส์เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างประเมินตอนนี้ไม่ได้ นักรบทุกคนมีบาดแผลหมด
อย่างไรก็ตามมันอยู่ที่ตัวสินค้านะ สินค้าของบริษัทนี้ หมายถึงนายกรุงศรีวิไล จะลงสมัครสมุทรปราการ เป็นสินค้าของพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนใช้ได้หรือไม่ ตอนที่เป็น ส.ส. มา 3-4 สมัย เคยทำงาน หรือหายหัวไปจากพื้นที่ไหม ถ้าหายหัวไปจากพื้นที่ก็คือเตรียมตัว เอวัง (หัวเราะ)
ผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่เวลา มันเหลืออีก 7-8 เดือน ก็ต้องไปพิสูจน์กันตรงนั้น
""หัวหน้าพรรคก็เป็นเช่นหัวเรือใหญ่ เลี้ยงลิเกไม่เชื่อง เล่นเรื่องไม่ดีก็พอกันทีเปลี่ยนเรื่องใหม่ มันเป็นไปได้หมด”
ภาพ - ณปกรณ์ ชื่นตา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง