ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกรัฐบาลโต้ 'ประเสริฐ' สูตรหาร 500 หากยื่นศาล รธน.วินิจฉัย ถ้าผลออกมาอย่างอแง ต้องเคารพคำตัดสิน จวกวันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอย่าง หลังอ้างตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทยแค่พูดเล่น เชื่อประชาชนลงโทษพวกไม่อยู่กับร่องกับรอย

ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยใช้ 500 หารนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องยากหรือเรื่องง่าย แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่าให้มีบัตร 2 ใบ และให้มีการคำนวณ ส.ส.ในแต่ละแบบแยกจากกันว่า ฝ่ายค้านเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า หากกลับไปใช้สูตรเดิมตัวเองย่อมได้ประโยชน์ จึงพยายามโยนความผิดให้ท่านนายกฯ ทั้งๆ ที่ท่านนายกฯ ไม่สามารถสั่งการใดๆ ได้เลย เป็นการพิจารณาของสมาชิกสภาฯ เอง หากฝ่ายค้านคิดว่ากระแสนิยมของตัวเองดีจริงก็ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร ควรพร้อมรับกับทุกกติกาที่ออกมาจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพอตัวเองไม่ได้เปรียบก็รีบโวยวาย แต่พอตัวเองได้เปรียบกลับทำนิ่งเฉย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านออกมาขู่แล้วว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย รัฐบาลพร้อมน้อมรับและเคารพคำตัดสินของศาล และขอให้ฝ่ายค้านเคารพคำตัดสินของศาลด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าผลออกมาไม่เป็นไปอย่างที่ตัวเองต้องการแล้วออกอาการงอแงเหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา 

ธนกร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ ประเสริฐอ้างว่า เรื่องการจะตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทย เป็นการพูดคุยกันเล่นๆ ระหว่างกลุ่ม ส.ส.นั้น ไม่ต่างอะไรกับการกลืนน้ำลายตัวเอง เรื่องไหนที่ตัวเองได้เปรียบก็เดินเกมเคลื่อนไหวกดดันเต็มที่ แต่เรื่องไหนที่ทำท่าว่าสังคมจะไม่ยอมรับ ก็รีบออกมาอ้างว่าเป็นการพูดคุยกันเล่นๆ เชื่อว่าประชาชนคงได้เห็นธาตุแท้ของพรรคเพื่อไทยแล้วว่า เป็นพรรคที่กลับกลอก ไม่อยู่กับร่องกับรอย ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนคงตัดสินใจได้แล้วว่า สามารถให้ความเชื่อถือและไว้วางใจให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศได้หรือไม่ เพราะการบริหารประเทศไม่ใช่การเล่นขายของ ที่วันนี้พูดอย่าง แล้วพรุ่งนี้จะพูดอีกอย่างก็ได้

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการยอมเอาสูตรหาร 500 เพราะกลัวพรรคเล็กไม่โหวตให้ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเชื่อมั่นว่านายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด และสามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนแน่นอน ที่สำคัญ จนถึงตอนนี้ก็เห็นแต่การโหมโรง ไม่เห็นเนื้อหาสาระหรือข้อเท็จจริงอะไรเลย สุดท้ายเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจจะกลายเป็นเวทีฉีกหน้าฝ่ายค้านที่ไม่ยอมทำหน้าที่ของตัวเองในสภาฯ ก็ได้