ไม่พบผลการค้นหา
อธิบดีกรมการปกครอง ยันโรงงานพลุระเบิด จ.สุพรรณ มีใบอนุญาตถูกต้อง ล่าสุดพบเสียชีวิต 25 ราย กำชับลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานทั่วกรุงเทพฯ หวั่นซ้ำรอย ตั้งข้อสังเกตทำไมคนไปรวมตัวเยอะ ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี เล็งตั้งกองทุนช่วยเหลือการศึกษาบุตร เปิดเงินช่วยเยียวยา เบื้องต้น 350,000 บาทต่อราย

วันที่ 18 ม.ค. อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวถึงการตรวจสอบใบอนุญาต เหตุโรงงานพลุระเบิด ที่จังหวัดสุพรรณบุรี จนมีผู้เสียชีวิตหลายราย ว่า โรงงานดังกล่าวได้ใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2564 และต่อใบอนุญาตทุกปี โดยผ่านการอนุมัติจากนายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี หลังผ่านหลักเกณฑ์ อาทิ ผู้ขออนุญาตไม่มีประวัติอาชญากรรม สถานที่ตั้งโรงงานเป็นไปตามระเบียบของกฎหมายผังเมือง รวมถึงผ่านการทำประชาคมจากชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนในพื้นที่ กทม. ตนได้ให้มีการตรวจสอบว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ 

ส่วนสาเหตุพลุระเบิดนั้น ยังไม่ทราบ แต่ขณะนี้มีการยืนยันแล้วว่ามีผู้เสียชีวิต 23 ราย และล่าสุด เมื่อเช้าพบเพิ่มอีก 2 ราย ที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ โดยเช้าวันนี้ทางนิติวิทยาศาสตร์ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ก่อนนำร่างไปพิสูจน์อัตลักษณ์ พร้อมย้ำว่า การตั้งโรงงานดังกล่าวได้รับการอนุญาตถูกต้อง และได้มีการกำชับแล้ว หลังเกิดเหตุพลุระเบิดที่ บ้านมูโนะ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบตลอด 

ส่วนเหตุการณ์ระเบิด ที่ จ.สุพรรณบุรี จะสามารถดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายผู้ใด อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงก่อน ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุต้นเหตุข้อเท็จจริงได้ 

เมื่อถามว่า โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุระเบิดแล้ว 5 ปี 2565 และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทำไม่ถึงได้รับการอนุญาตในตั้งโรงงาน อธิบดีกรมการปกครอง ย้ำว่า การได้รับอนุญาตจะต้องขอพื้นที่และทำประชาชนรับฟังเสียงชาวบ้านในพื้นที่ โดยทั้งหมดผ่านกระบวนการแล้ว ฉะนั้นขอให้ทางเจ้าหน้าที่ EOD ตรวจสอบหาสาเหตุก่อน เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงมีคนไปรวมตัวภายในโรงงานดังกล่าวเยอะ 23-25 คน ซึ่งไม่รู้ว่ามีงานเลี้ยงหรืออะไรหรือไม่ ก่อนที่จะเกิดเหตุ

ขณะที่หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็มีความห่วงใยและได้สั่งการจังหวัดให้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา นอกเหนือหน่วยงานกระทรวงอื่นด้วย

ส่วนที่สังคมมีการตั้งคำถามว่าเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตน้อยไปหรือไม่ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า จะมีการหาหน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติม เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ เป็นผู้ใหญ่และมีบุตร ที่ต้องศึกษาเล่าเรียน ดังนั้น จึงต้องดูว่าจะมีการตั้งกองทุนเพื่อมาดูแลหรือไม่ โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี รับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นประกอบด้วย

-กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีเงินอุดหนุนช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม กรณีฉุกเฉิน ครอบครัวละ 3,000 บาท

-ราชประชานุเคราะห์ฯ มีค่าทำศพ 10,000 บาท

-กระทรวงแรงงาน โดยหน่วยงานจัดหางาน คุ้มครองแรงงาน ผู้ประกันตนและผู้ขึ้นทะเบียน จะช่วยเหลือด้วย

-กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี แบ่งเงินช่วยเหลือดังนี้

ค่าจัดการศพ 50,000

ทุนเลี้ยงชีพครอบครัว 30,000

มีบุตรไม่เกิน 25 ปี ได้อีก 50,000

ทุนเลี้ยงชีพ กรณีบาดเจ็บสาหัส 30,000+ เลี้ยงชีพ 15,000

-กระทรวงยุติธรรม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่สอง) พ.ศ. 2559 โดยอยู่ที่คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา (ผู้ว่าฯ เป็นประธาน) พิจารณาช่วยเหลือรายละไม่เกิน 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะอนุกรรมการฯ

-ท้องถิ่น (ประกาศภัย) 29,700 ส่วนถ้าเป็นหัวหน้าครอบครัว จะได้เพิ่มอีกเท่านึง (59,400)