24 มี.ค.2567 สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงประเด็นภายหลังที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบหลักการโครงการโคแสนล้าน และมีการนำประเด็นการถกเถียงในที่ประชุมมานำเสนอว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่การคัดค้านโครงการหรือมีความขัดแย้งอะไร แต่มีความต้องการให้ชาวบ้านได้หาวัวเอง ไม่ใช่การให้รัฐบาลไปซื้อวัวแจกประชาชน ซึ่งในข้อเท็จจริงแนวทางของโครงการโคแสนล้านที่ตั้งไว้แต่ต้น คือ รัฐบาลสนับสนุนให้ธนาคารของรัฐปล่อยเงินกู้ 5,000 ล้านบาท ให้แก่สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 100,000 ครัวเรือน กู้ได้ครัวเรือนละ 50,000 บาท โดยผู้กู้ต้องหาซื้อวัวด้วยตัวเอง ไม่ใช่หน่วยงานรัฐเป็นคนจัดหา หากทำอย่างนั้นอาจเกิดครหาการทุจริตได้ แต่การเปิดโอกาสให้ชาวบ้านหาวัวเองนั้นเขาจะใส่ใจตั้งแต่กระบวนการหาซื้อเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง
“ผมขอยืนยันว่าโครงการโคแสนล้าน ดีไซน์มาเพื่อประชาชน พยายามคิดตั้งแต่ต้นว่าสมาชิกกองทุนหมู่บ้านที่เป็นประชาชน เกษตรกร จะได้ประโยชน์สูงสุดอย่างไร ข้อครหาต่างๆ ต้องไม่เกิดขึ้น เกษตรกรต้องมีรายได้เสริม และเรื่องนี้รัฐบาลก็เดินหน้ามาตลอด ทั้งการหาตลาดจากต่างประเทศซึ่งเวลานี้ก็คืบหน้าไปมาก และโครงการโคแสนล้านนี้ ก็บอกได้ชัดแล้วว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญต่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก และอยากให้อยู่ดีกินดีขึ้น” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
สมศักดิ์ยังระบุอีกว่า เวลานี้โครงการใกล้สำเร็จแล้ว ขอให้รออีกอึดใจเดียว เพื่อให้กระทรวงการคลังร่วมกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณารายละเอียดของแนวทางการดำเนินโครงการนี้ในประเด็นต่างๆ ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและเหมาะสม เช่น อัตราดอกเบี้ยที่รัฐต้องรับภาระชดเชย กรอบวงเงินงบประมาณที่ต้องใช้สำหรับการดำเนินโครงการ และการกำหนดระยะเวลาที่เกษตรกรจะต้องชำระเงินกู้ให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เกษตรกร จะคืนทุนจากการเลี้ยงโค เป็นต้น โดยส่วนตัวเชื่อว่า จะใช้เวลาไม่นาน เพราะทุกหน่วยงานทราบดีว่า โครงการโคแสนล้าน เป็นสิ่งที่สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน กว่า 13 ล้านคน เฝ้ารออยู่