กองทัพเรือแถลงข่าวชี้แจงกรณีจัดงบเรือดำน้ำ 22,000 ล้านบาท โดย พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ แถลงว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำเพื่อผลประโยชน์ทางทะเลของชาติสูงถึง 24 ล้านล้านบาท ลงนามจัดซื้อเรือดำน้ำกว่าจะได้รับเรือคือปี 2570 ยืนยันคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ขณะที่ พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าวว่า ขั้นตอนการจัดซื้อเรือดำน้ำรวม 3 ลำกับจีน เป็นโครงการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 โดยลำแรกวงเงิน 13,500 ล้านบาท ทยอยจ่าย 7 ปี ตั้งแต่ 2560-66 และอีก 2 ลำเป็นการจัดหาต่อเนื่องให้ครบ 3 ลำตามโครงการที่อนุมติไว้ไม่ใช้งบอนุมัติใหม่
ส่วน น.อ.ธาดาวุธ ทัตพิทักษ์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ยืนยัน ว่า สัญญาจีทูจี เป็นไปอย่างถูกต้อง โดยระบุว่า ครม.ไทยได้อนุมัติให้ใช้วิธีจัดซื้อแบบจีทูจี และมอบอำนาจให้ ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทน โดย ผบ.ทร. ในสมัยนั้น ได้มอบอำนาจให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสธ.ทร. ในฐานะ ประธาน กจค. ไปเซ็นสัญญา
พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองทัพเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ แถลงตอบโต้ กรณี ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาโจมตีกองทัพเรือ เปิดเผยเอกสารลับการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า เป็นการพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริงนำไปซึ่งความแตกแยก นำมาสู่ความเกลียดชังต่อกองทัพและเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และนำมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง
"ที่กล่าวหาว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เป็นสัญญาเก๊ ก็ไม่เป็นความจริง โครงการรับจำนำข้าว ที่พรรคเพื่อไทย ทำต่างหากที่เป็นจีทูจีเก๊ และไม่ถูกต้อง แต่กองทัพเรือทำการซื้อแบบจีทูจีอย่างถูกต้องโปร่งใส ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อเครื่องการเมือง การให้ข่าวของพรรคเพื่อไทย หวังผลการเมือง และเป็นการเห็นแก่ตัว" ทั้งนี้การจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้จ่ายทั้งก้อนในคราวเดียวทั้งหมด
โดย พล.ร.ท.ประชาชาติ ย้ำว่า “เมื่อเช้าวันนี้ผมก็ติดตามข่าวช่องเนชั่น สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ปรากฏว่าประชาชนเห็นชอบจัดซื้อ (เรือดำน้ำ) ตามที่กองทัพเรือชี้แจงมาแล้วในอดีต 71 %”
ในการแถลงข่าว พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ และ สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 เข้าร่วมสังเกตการณ์ การแถลงข่าวด้วย
ก่อนหน้านี้ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี และครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ ร่วมกันแถลงข่าวเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำโดยระบุว่า มีความไม่ชอบมาพากล เพราะเอกสารที่เพื่อไทยได้มา ระบุว่าผู้ลงนามเรื่องนี้ คือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เมื่อครั้งที่ยังมีตำแหน่งเป็นเพียงเสนาธิการทหารเรือ และ "ไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐมนตรี หรือมติ ครม." ดังนั้น พล.ร.อ.ลือชัย จึงไม่ใช่ตัวแทนรัฐไทย จึงไม่ใช่การทำสัญญาจีทูจี
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังระบุว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำ ไม่ใช่การซื้อแบบ 2 แถม 1 ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยออกมาให้ข่าวเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2560 แต่เป็นการซื้อเรือทั้งสิ้น 3 ลำ ลำละกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่นับค่าอุปกรณ์เสริม, เรือขนส่ง, การสร้างท่าเรือ หรือการทำแผนที่และส่วนสนับสนุนอื่นๆ ที่ต้องใช้เงินอีกกว่าหมื่นล้านบาท
ขณะที่เนื้อหาในสัญญาที่ลงนามตั้งแต่ต้น ไม่ได้มีผลผูกพันว่าไทยจะต้องซื้อเรือดำน้ำทั้ง 3 ลำจากจีนแต่อย่างใด และถ้าหากสัญญาไม่ได้เป็นแบบจีทูจี ก็ควรจะต้องเป็นโมฆะ
อ่านเพิ่มเติม