พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.45 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานี เป็นห่วงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยได้สั่งการให้ สทนช.จัดต้ัง “ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้” พร้อมลงรับทราบติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาพรวม จากส่วนราชการต่างๆ ณ ศาลากลาง จว.ชุมพร
โดยสรุปสถานการณ์ภาพรวม จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ตั้งแต่ 10 พ.ย.64 ส่งผลให้ฝนตกหนักต่อเนื่อง เกิดอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งใน 8 จังหวัดภาคใต้หลายพื้นที่ ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขัง 3 จังหวัด คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานีและสงขลา รวม 10 อำเภอ 315 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,909 ครอบครัว โดยคาดการณ์ว่ายังมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลต่อระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลางของภาคใต้ มีปริมาณน้ำมากกว่า 80%และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหลายแห่ง เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง กระทบพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ
พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงใยและตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่จังหวัด ซึ่งมีประชาชนได้รับผลกระทบหลายครัวเรือน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และขอเป็นกำลังใจกับผู้ประสบภัยทุกครอบครัว พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลและทุกส่วนราชการจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการช่วยเหลือดูแลจนกว่าสถานการณ์จะปกติ
พร้อมกันนี้ ยังได้กำชับให้ทุกส่วนราชการในพื้นที่ เร่งระบายน้ำลงทะเล โดยเฉพาะ อ.สวี อ.ท่าแซะ อ.เมือง จังหวัดชุมพร ที่เป็นที่ต่ำและยังคงมีน้ำท่วมขัง พร้อมทั้งให้กระจายช่วยเหลือเร่งด่วนให้ทั่วถึงในทุกพื้นที่ เร่งซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เร่งสำรวจความเสียหายและเยียวยาผู้ประสบภัยให้ทั่วถึง ขณะเดียวกันให้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์และพื้นที่เสี่ยง โดยต้องมีการแจ้งเตือนภัยอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่เสี่ยง
ต่อจากนั้น รองนายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพกว่า 2,000 ชุด แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ณ รร.อนุบาลสวี ต.นาโพธิ์ อ.สวี จังหวัดชุมพร ต่อจากนั้น ได้เดินทางต่อไปยัง ต.หนองไทร ต.พุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี รับฟังสถานการณ์น้ำและการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 และกระทำพิธีเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ที่จัดตั้งขึ้น
โดย พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำขอให้ศูนย์ดังกล่าว บูรณาการทำงานร่วมกับ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติและเหล่าทัพ เชื่อมโยงข้อมูล คาดการณ์และวิเคราะห์สภาพอากาศ ปริมาณน้ำในแหล่งเก็บน้ำ พื้นที่น้ำหลาก เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งเตรียมความพร้อมและบริหารจัดการเหตุในภาวะวิกฤติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ