เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าว ขึ้นรถกรมราชทัณฑ์ ไปใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว ที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร เขต 7 หลักสี่ หลังจากที่ได้รับการพิจารณาพักโทษโดยเหตุพิเศษ โดยญาติของสรยุทธ นำดอกไม้ธูปเทียน ทำพิธีกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระหว่างรอการปล่อยตัวสรยุทธ
โดยบรรยากาศที่สำนักงานคุมประพฤติ 7 มี ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ตัน ภาสกรนที โก๊ะตี๋ อารามบอย ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร หรือ โต๋ อุดม แต้พานิช มารอต้อนรับอย่างอบอุ่น
สรยุทธ จะเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ โดยใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว เป็นระยะเวลา 14 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 2564 – 20 พ.ค. 2565 เป็นระยะเวลา 14 เดือน และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนดจนกว่าจะพ้นโทษคือในวันที่ 26 ก.ค.66 รวม 2 ปี 4 เดือน และสามารถประกอบอาชีพสุจริตได้
ทั้งนี้ เวลาประมาณ 09.29 น. สรยุทธ ได้เดินออกมาจากสำนักงานรวบคุมประพฤติฯ ก่อนให้สัมภาษณ์ ว่า รู้สึกดีใจที่ทุกคนไม่ลืมกัน การอยู่ในเรือนจำถือว่าเป็นการจบคดีความ และดีใจที่ได้มีวันนี้ เพราะจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง การอยู่ในเรือนจำปีกว่า ก็รู้สึกเคว้งคว้าง มีความทุกข์ทางจิตใจ แต่ทุกข์ทางร่างกายก็สามารถปรับตัวได้ แต่หลังจากจัดรายการให้ข้อมูลข่าวสารในเรือนจำก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น เพราะถือเป็นการใช้ชีวิตในเรือนจำที่คุ้มค่า ไม่ใช้ชีวิตที่เปล่าประโยชน์ โดยหลังจากนี้จะเดินทางไปไหว้รูปแม่ที่บ้าน
ส่วนจะกลับสู่หน้าจอเมื่อไหร่นั้น ขอกลับไปคิดและปรับตัวก่อนว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เพราะไม่ได้ทำงานมา 5 ปี อีกทั้งโลกปัจจุบันก็เปลี่ยนไป แต่ยืนยันยังอยู่กับช่อง 3 ต่อ
สำหรับโครงการพักโทษนั้น ส่วนตัวมองเป็น 2 แบบ คือ หากเป็นผู้ต้องหาในคดีอุจกรรจ์ ขอทุกคนอย่าทำ เพราะถ้าเข้าเรือนจำไปแล้วจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะจะไม่ได้รับการอภัยโทษเลย ส่วนอีกแบบ คือ ทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาด และต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ แต่เมื่อต้องออกจากเรือนจำขอทุกคนอย่าอคติ และให้โอกาส เพราะถ้าให้โอกาสเชื่อว่าจะเป็นพลังของสังคม แต่หากไม่ให้โอกาสจะทำให้เป็นภาระของสังคม ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นการให้โอกาสอีกครั้ง แต่เมื่อออกมาแล้วก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการแถลงข่าวนายสรยุทธ ได้โชว์รองเท้าที่เป็นการแกะลายด้วยมือ เป็นลายสโมสรลิเวอร์พูล จากเพื่อนนักโทษในเรือนจำ ตนเองจึงขอนำกลับออกมาเป็นที่ระลึกด้วย
ด้านธนกฤต จิตอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวย้ำว่า การติดกำไลอีเอ็ม เป็นการติดฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ถ้าใครเรียกรับเงินให้แจ้งความดำเนินคดีได้ทันที
ส่วนการพักโทษนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนได้รับโอกาส แต่จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการพิจารณา ซึ่งสรยุทธ ถือเป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ให้กับราชทัณฑ์ จึงเข้าเกณฑ์ของการพักโทษ แต่ยังต้องได้รับการคุมประพฤติและติดกำไลอีเอ็มจนกว่าจะครบกำหนดโทษ
พร้อมยืนยันว่า สรยุทธในขณะที่อยู่เรือนจำ ได้ปฏิบัติตัวเหมือนนักโทษทั่วไป ไม่ได้เป็นบุคคลวีไอพีแต่อย่างใด ส่วนเงื่อนไขการพักโทษนั้น ให้ทำงานในอาชีพสื่อมวลชนได้ตามปกติ กำหนดให้อยู่ภายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หากต้องการออกนอกพื้นที่ต้องทำเรื่องอนุญาตต่อกรมควบคุมประพฤติล่วงหน้า 3 วัน
ขณะที่วิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมควบคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สรยุทธ ต้องรายงานตัวต่อกรมควบคุมประพฤติทุกเดือน ซึ่งกำไลอีเอ็ม เป็นเครื่องมือที่จะช่วยติดตามตัว โดยเงื่อนไขการพักโทษต้องไม่ให้เข้าใกล้เรือนจำ ไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน หากมีความจำเป็นต้องขออนุญาต ไม่ประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือ ธุรกรรมกับบุคคลที่มีคดีความ ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ให้เป็นพิธีกรหรือโฆษกในงานที่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่สามารถให้ข้อมูลข่าวสารภายใต้จรรยาบรรณของวิชาชีพได้ตามปกติ พร้อมย้ำว่าขณะที่อยู่ในเรือนจำ นายสรยุทธ ถูกปฏิบัติเหมือนนักโทษคนอื่นๆ ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ
ทั้งนี้ สรยุทธ ถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลานาน 6 ปี 24 เดือน ในคดีสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดด้วยการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ 'คุยคุ้ยข่าว' ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. เป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท
ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง เหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน ทำให้เข้าข่ายในการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาพักโทษ ซึ่งได้พิจารณาผู้ต้องขังเข้าเกณฑ์การพักการลงโทษเหตุพิเศษ ทั้งนี้ สรยุทธ์ ประพฤติตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ช่วยงานของกรมราชทัณฑ์หลายอย่าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :