ไม่พบผลการค้นหา
กองทัพยูเครนรายงานว่า ยูเครนได้ยึดแท่นขุดเจาะก๊าซและน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์หลายแห่ง ในพื้นที่ทะเลดำใกล้กับไครเมียคืนมาจากรัสเซียสำเร็จ หลังจากกองกำลังรัสเซียยึดครองแท่นขุดเจาะดังกล่าว ไปได้ตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา

ตามรายงานของหน่วยข่าวกรองทหารยูเครน (GUR) ระบุว่า การยึดคืนแท่นขุดเจาะหอคอยโบยโก กลับคืนมาโดยกองกำลังยูเครน เกิดขึ้นเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (11 ก.ย.) นับเป็นการยึดคืนทรัพย์สินของยูเครน ที่รัสเซียยึดไประหว่างการผนวกไครเมีย และส่งผลให้ยูเครนเข้าใกล้การยึดครองคาบสมุทรไครเมียกลับคืนมามากยิ่งขึ้น 

GUR ระบุในแอปส่งข้อความ Telegram ว่า กองกำลังยูเครนยึดแท่นขุดเจาะคืนได้ใน "ปฏิบัติการพิเศษ" ก่อนระบุว่า “สำหรับยูเครน การเข้าควบคุมหอคอยโบยโกกลับคืนมา มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ และเป็นผลให้รัสเซียสูญเสียความสามารถ ในการใช้แท่นเหล่านั้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร” GUR ระบุใน Telegram “รัสเซียขาดความสามารถในการควบคุมน่านน้ำในทะเลดำอย่างสมบูรณ์ และนี่ทำให้ยูเครนเข้าใกล้การยึดไครเมียกลับมาอีกมาก”

GUR ระบุว่า ในระหว่างปฏิบัติการยึดคืนแท่นขุดเจาะโดยยูเครนดังกล่าว มีรายงานการปะทะกันระหว่างกองกำลังพิเศษบนเรือของยูเครน และเครื่องบินรบของรัสเซีย ซึ่งได้รับความเสียหายและถูกบังคับให้ล่าถอยออกไป GUR ยังระบุเสริมอีกว่า ยูเครนยังได้รับ "ถ้วยรางวัลอันล้ำค่า" เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์เฮลิคอปเตอร์ และระบบเรดาร์ติดตามการเคลื่อนตัวของเรือในทะเลดำ จากการยึดแท่นขุดเจาะในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการกล่าวอ้างของยูเครน แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้รายงานก่อนหน้านี้ว่า เครื่องบินรบของรัสเซียได้ทำลายเรือเร็วของยูเครนหลายลำในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา

แอนตัน เกราชเชนโก ที่ปรึกษากระทรวงกิจการภายในของยูเครน กล่าวเมื่อวันอังคาร (12 ก.ย.) ว่า การที่ยูเครนสามารถเข้าควบคุมหอคอยโบยโกคืนนั้นมีความสำคัญ เนื่องจากกองกำลังรัสเซียใช้โครงสร้างเหล่านี้เพื่อ “ใช้ระบบเซ็นเซอร์ติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังในทุกประเภท ซึ่งเป็นการขยายความสามารถเชิงปฏิบัติงานของรัสเซีย” ในทะเลดำ

“หน่วยข่าวกรองกลาโหมของยูเครนทำให้พวกรัสเซียขาดความสามารถ ในการติดตามและข่าวกรองหลายประการ โดยการทำให้พวกเขาพ้นออกไปจากหอคอยเหล่านี้ ขั้นตอนนี้มีความสำคัญไม่เพียงแต่ในการต่อสู้ของยูเครนเพื่อแย่งชิงทะเลดำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม สำหรับการปฏิบัติการชายฝั่งและทางอากาศด้วย” เกราชเชนโกระบุ

อย่างไรก็ดี บล็อกเกอร์กองทัพรัสเซียกล่าวอ้างเมื่อวันจันทร์ว่า แท่นขุดเจาะดังกล่าวไม่มีผู้อยู่อาศัยอยู่มานานกว่า 1 ปีแล้ว และปฏิบัติการของยูเครนในการยกพลขึ้นบก บนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเมื่อเดือนที่แล้ว ไม่ได้ตามมาด้วยการที่แท่นขุดเจาะดังกล่าวมีทหารประจำการอย่างถาวร และการเข้ายึดดังกล่าวยังทำให้กองกำลังของยูเครนต้องสูญเสียกำลังอย่างหนัก

ก่อนที่รัสเซียจะยึดคาบสมุทรไครเมีย ยูเครนได้สกัดก๊าซธรรมชาติส่วนสำคัญของตนออกจากแท่นขุดเจาะทะเลดำ ซึ่งไม่ได้ผลิตก๊าซเพียงแต่สำหรับไครเมียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภูมิภาคแผ่นดินใหญ่ของยูเครนด้วย อย่างไรก็ดี นอกจากการขุดเจาะแล้ว ในช่วงสงครามนี้ แท่นขุดเจาะดังกล่าวยังสามารถใช้เพื่อเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ หรือใช้เป็นฐานวางกำลัง และวางตำแหน่งระบบขีปนาวุธพิสัยไกลได้

โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ให้สัญญาว่ายูเครนจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อปลดปล่อยไครเมีย ซึ่งรัสเซียผนวกไปจากยูเครนในปี 2557 ประธานาธิบดียูเครนยังได้เรียกร้องให้ชาติพันธมิตรระหว่างประเทศ ที่จะให้การสนับสนุนความพยายามของยูเครนในการยึดคาบสมุทรไครเมียคืน 


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/9/12/ukraine-says-black-sea-gas-and-oil-platforms-recaptured-from-russia-control?fbclid=IwAR2Hr-ewFKyS-K9C7FxNpKH2ZY9m-Hjf1Y2pEwA9mDzeHNtCZTFxPJua6s4