วันที่ 9 ก.ย. 2565 ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า คณะรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำโดย วิศณุ ทรัพย์สมพล จักกพันธ์ุ ผิวงาม ทวิดา กมลเวชช ศานนท์ หวังสร้างบุญ แถลงข่าว "99 วัน ส่งการบ้านให้คนกรุง" ในวาระครบ 99 วันการบริหารงานกทม. นำโดย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี ของทางกทม.อีกด้วย
ทวิดา กล่าวว่า ในแง่ของความปลอดภัยดี ทาง กทม. ถูกรับน้องตั้งแต่เหตุการณ์ไฟไหม้ และน้ำท่วม ซึ่งพบว่ามาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง และในช่วง 99 วัน กทม.ได้จัดทำฐานข้อมูลทั้งหมด เพื่อไปสู่ Bangkok Risk Map หรือแผนที่ความเสี่ยง และทำข้อมูลบัญชีของทรัพยากรสำนักป้องกันบรรเทาสาธารณภัยให้ครบถ้วน
ในส่วนของสุขภาพดี ที่ผ่านมานั้น มีการสร้างคลินิกวันเสาร์ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านสุขภาพให้แก่ภาคประชาชนเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนที่มีทั้ง 2 แบบ คือ วัคซีนเชิงรุก ที่เข้าถึงผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงคลินิก Long-Covid จำนวน 9 คลินิก ใน 9 โรงพยาบาลหลัก ที่ประชาชนสามารถไปปรึกษาอาการลองโควิดได้ รวมถึงศูนย์บริการคนพิการเบ็ดเสร็จใน 9 โรงพยาบาล และการเปิด Pride Clinic เพื่อความหลากหลายทางเพศ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา วิธีการดูแลตัวเอง รวมถึงวิถีทางเพศอีกด้วย
"กทม.เปิด Sand Box ทางสุขภาพ เพื่อเชื่อมรอยต่อระหว่างศูนย์บริการสาธารณสุข หรือร้ายขายยา เพื่อเข้าสู่โรงพยาบาลในระดับทุตยิภูมิ และตติยภูมิ ซึ่งครอบคลุม เขตดุสิต เขตพระนคร เขตบางซื่อ เขตบางพลัด ซึ่งกำลังดำเนินการปรับปรุง ทำให้ต่อจากนี้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ใกล้บ้าน" ทวิดา กล่าว
ทวิดา เสริมอีกว่า ในอีก 99 วันต่อจากนี้ ทาง กทม. จะบริหารความปลอดภัยด้วยระบบข้อมูล และข้อมูลอาสาสมัครจัดการ ซึ่งประชาชนสามารถติดตามได้ และจะมีการระบุจุดวิกฤตของการเกิดน้ำท่วม หรืออัคคีภัย อีกทั้งในแง่ของสุขภาพดี Pride Clinic จะทำให้ได้ รวมถึงปรับการทำงานโครงสร้างของกทม. โดยให้ความสำคัญกับเส้นเลือดฝอยตามที่ ผู้ว่าฯ ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน
วิศณุ กล่าวว่า ได้มีการดำเนินการในส่วนการบริหารจัดการน้ำ การขุดลอกคูคลอง และการเร่งระบายน้ำ การสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งมีการจัดเรียงกระสอบทรายตามแนวฟันหลอ ระยะทาง 3.12 กม. และในช่วงน้ำท่วมนี้ก็ได้มีจุดรถบริการรับ-ส่ง ประชาชน โดยมีทหารมาช่วยเหลือด้วย
อีกทั้งในส่วนการปรับปรุงทางม้าลาย 1,286 จุด จาก 2,788 จุด ระบบ CCTV และการขอภาพซึ่งมีคนขอไปแล้ว 1,168 ราย และการคืนพื้นผิวจราจร ทำจุดเสี่ยงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อย 100 จุด ย้อนหลัง 3 ปี โดยดำเนินการแก้ไขจุดเสี่ยง 2 จุด และเตรียมการปรับปรุง 54 จุด วิเคราะห์อีก 44 จุด นำสายสื่อสารลงดิน และจัดระเบียบสายสื่อสารที่กำลังเร่งพัฒนาการบริหารต่อไป
ขณะที่ จักกพันธ์ุ กล่าวว่า ได้มีการทำจุดการค้า สวน 15 นาที และนโยบายด้านการจัดการขยะ โดยในส่วนการจัดทำจุดการค้านั้น ได้มีการจัดทำนโยบายเกี่ยวกับผู้ค้าหาบเร่แผงลอย โดยเป้าประสงค์คือ ต้องการให้ประชาชน และหน่วยงานมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน และทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุด (The Best City) โดยทำพื้นที่การค้า 95 จุด ซึ่งจะมีผู้ค้ารายย่อยจำนวน 6,048 ราย
ซึ่งระยะเวลานั้น ได้ตั้งเป้าระยะที่ 1 ใน เดือน ก.ย. - พ.ย. 2565 17 จุด ระยะที่ 2 ธ.ค. 2565 29 จุด และระยะที่ 3 มี.ค. - พ.ค. 2566 อีก 26 จุด ขณะที่พื้นที่ทำการค้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน ความยาว 210 เมตร ผู้ค้า 70 ราย
ด้านนโยบายสวนสาธารณะ 15 นาที มีแนวคิดคือ สวนสาธารณะที่ประชาชนสามารถเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ ในระยะทางเดินประมาณ 800 เมตร จากละแวกบ้าน มีกำหนดทำคือ เขตคลองสาน เขตราษฎร์บูรณะ เขตวัฒนา เขตจตุจักร รวมถึงโครงการลดและคัดแยกขยะจากประเภทแหล่งกำเนิด โดยปี 2566 เพิ่มประเภทละ 3,600 แห่ง และจะสร้างต้นแบบการแยกขยะเป็น 3 ช่วงเวลาเช่นเดียวกับนโยบายการทำการค้า
อย่างไรก็ตาม ศานนท์ กล่าวว่า ตนได้จัดทำแนวคิดเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ต้องทำหลายมิติพร้อมๆ กัน ซึ่งจากที่ผ่านมา ประชาชนจะเห็นภาพการทำกิจกรรมให้เมืองมีชีวิตเพื่อให้ทุกมาใช้ชีวิต เช่น ดนตรีในสวน และ 12 เทศกาล 12 เดือน เช่น กรุงเทพฯ กลางแปลง หรือ Bangkok Pride Month บางกอกวิทยา ฯลฯ
ศานนท์ กล่าวอีกว่า ตนได้ทำนโยบายดึงอัตลักษณ์ชุมชนของแต่ละชุมชนมาจัดกิจกรรม เช่น ถนนคนเดิน ซึ่งได้มีการนำร่อง 11 ย่าน และเปิดพื้นที่บริการเฉพาะจุดให้คนไร้บ้าน 4 จุด ซึ่งมีคนไร้บ้านมาใช้บริการ 150-250 คน จุด/วัน การยกระดับสวัสดิการคนพิการ โดย กทม.จ้างงานคนพิการเพิ่มขึ้น 212 คน ใน 50 เขต รวมเป็น 324 คน และพัฒนาคุณภาพให้คนพิการ รวมถึงสนับสนุนอาชีพ และเปิดพื้นที่ให้คนพิการได้สร้างสรรค์อาชีพ
ศานนท์ เสริมว่า ในแง่ของการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้มีการเปิดความโปร่งใส ภายใต้นโยบาย Open Bangkok เช่น การเปิดร่างงบประมาณปี 2566 และแพลตฟอร์มปลูกต้นไม้ล้านต้น อีกทั้งนโยบายการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Open Education) โครงการสอนน้องนอกเวลาเรียน วิชาชีพเลือกเสรี และ After School Program เรียน เล่น หลังเลิกเรียน ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนภายในปีหน้า