ต่างประเทศ
สหรัฐฯ แนะประชาชน 'อย่าล้างเนื้อไก่ดิบ' ลดความเสี่ยงเชื้อโรคปนเปื้อน
รายงานของกระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา (USDA) ที่ศึกษาว่าการเตรียมอาหารอาจมีส่วนทำให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อโรค ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา และสื่อสหรัฐฯ นำข้อมูลดังกล่าวมารายงานต่อ โดยระบุว่า USDA แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการล้างเนื้อไก่ดิบ พร้อมอ้างเนื้อหาในรายงานว่า อาจจะขัดต่อความเชื่อและความรู้สึกของผู้ทำอาหารจำนวนมาก แต่ USDA มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้ว่าเพราะเหตุใดจึงควรหลีกเลี่ยงการล้างเนื้อไก่ดิบหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ก่อนปรุงอาหาร
เนื้อหาในรายงานบ่งชี้ว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนอเมริกันจำนวนมากล้มป่วยจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เกิดจาก 'วิธีเตรียมอาหาร' ซึ่งรวมถึงการล้างเนื้อไก่ดิบ เพราะเข้าใจว่าจะช่วยให้เนื้อสะอาดขึ้น แต่ในความเป็นจริง กลับยิ่งทำให้แบคทีเรียก่อโรค เช่น ซาลโมเนลลา แพร่กระจายไปทั่วชิ้นเนื้อ และมือที่สัมผัสเนื้อไก่ดิบที่มีเชื้อโรคโดยไม่ได้ล้างด้วยสบู่ เมื่อนำไปสัมผัสอุปกรณ์ทำอาหารหรือวัตถุดิบต่างๆ จะนำไปสู่การปนเปื้อนแบคทีเรียได้
ทั้งนี้ การใช้น้ำประปาล้างเนื้อสัตว์ดิบทุกชนิดก่อนปรุงอาหารล้วนเพิ่มความเสี่ยงที่เชื้อโรคจะแพร่กระจายยิ่งกว่าเดิม แต่รายงานของ USDA พุ่งเป้าไปที่ 'เนื้อไก่ดิบ' เพราะเป็นเนื้อสัตว์ที่มีผู้บริโภคในประเทศมากเป็นอันดับต้นๆ ทั้งยังพบแบคทีเรียซาลโมเนลลาปนเปื้อนมากกว่าเนื้อสัตว์อื่น แต่ USDA ยืนยันว่าเชื้อแบคทีเรียที่พบในเนื้อสัตว์จะตายและบริโภคได้โดยไม่เป็นอันตราย ถ้าหากปรุงสุกด้วยความร้อนขั้นต่ำตั้งแต่ 62 จนถึง 73 องศาเซลเซียส
USDA เตือนด้วยว่า คนอเมริกันมักจะเตรียมเนื้อสัตว์ก่อนทำสลัดหรืออาหารจานข้างเคียง ทำให้การล้างเนื้อไก่ดิบหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ก่อนปรุงอาหารที่ไม่ได้ใช้ความร้อน เป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่เชื้อแบคทีเรียจะแพร่กระจายยิ่งกว่าการเตรียมอาหารโดยไม่ล้างเนื้อสัตว์สูงถึง 31 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การใช้น้ำส้มสายชู น้ำเกลือ หรือน้ำมะนาว แช่เนื้อไก่ดิบหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ก็ไม่มีผลในการฆ่าเชื้อโรคแต่อย่างใด
ถ้าผู้ปรุงอาหารต้องการกำจัดชิ้นส่วนหรือคราบใดๆ ที่ติดมากับเนื้อสัตว์ USDA แนะนำให้ใช้กระดาษเปียกซับคราบหรือดึงชิ้นส่วนไม่พึงประสงค์ไปทิ้ง หลังจากนั้นต้องล้างมือด้วยสบู่ให้ทั่วถึงไม่ต่ำกว่า 20 วินาที รวมถึงทำความสะอาดอ่างล้างจานด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดก่อนจะเตรียมอาหารอื่นๆ ต่อ จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียได้
นอกจากนี้ ข้อมูลของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ (CDCP) ระบุด้วยว่า ในแต่ละปี ชาวอเมริกันราว 128,000 คน ป่วยด้วยโรคท้องร่วงและอาหารเป็นพิษ จากการบริโภคอาหารปนเปื้อนแบคทีเรีย และผู้ที่มีอาการร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต อยู่ที่ประมาณ 3,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ทำให้ USDA ย้ำว่า "การป้องกันความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนต้องช่วยกัน"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
