เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 18 ก.พ. 2566 พรรคเพื่อไทยบุกร้อยเอ็ด จัดปราศรัยใหญ่ ‘คิดใหญ่ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทย ส.ส. และสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัววเพื่อไทย ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย, จาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยครอบครัวเพื่อไทย, อดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.ร้อยเอ็ด
พร้อมด้วยผู้ประสงค์ลงสมัครรับการเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยเอ็ด ประกอบด้วย สถาพร ว่องสันธนพงษ์, ฉลาด ขามช่วง,นิรันดร์ นาเมืองรักษ์, กิตติ สมทรัพย์, ศักดา คงเพชร, นิรมิต สุจารี, จิราพร สินธุไพร, และ ชญาภา สินธุไพร ร่วมเวทีปราศรัยท่ามกลางประชาชนกว่า 10,000 คน
โดย จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ปราศรัยอย่างดุเดือด บอกเล่าว่าพื้นที่ภาคอีสานเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายประชาธิปไตย ที่ได้สร้างนักสู้เพื่อประชาธิปไตยจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็น ‘ถวิน อุดล’ ทนาย ฝีปากเอก นักการเมืองดาวสภาคนร้อยเอ็ด หนึ่งใน 4 เสือภาคอีสาน ที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ‘จำลอง ดาวเรือง’ ขุนพลอีสานมหาสารคาม และ ‘ครูเตียง ศิริขันธ์’ นักสู้ขุนพลภูพาน สกลนคร หัวหน้าเสรีไทยภาคอีสาน ล้วนเป็นนักต่อสู้ และกระบอกเสียงพี่น้องคนอีสาน ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทำให้พี่น้องชาวอีสานได้กินอิ่ม นอนอุ่น จนวาระสุดท้ายของชีวิต การต่อสู้ของบรรพบุรุษชาวอีสานไม่ได้เลือนหาย แต่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น “นี่คือเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี คนร้อยเอ็ด และในตอนที่ในตอนที่บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย เกิดการต่อสู้ของพี่น้อง นปช. คนร้อยเอ็ดก็ไปต่อสู้กับพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศ คนอีสานและจังหวัดร้อยเอ็ดยังได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรค ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย เป็นเสียงที่สนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาตลอด”
อดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ปราศรัยโดยตั้งคำถามถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกพ้องว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปกครองบ้านเมืองบอกว่าไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียวมีใครเชื่อบ้าง ตนไม่เชื่อ เพราะการทุจริตไม่ได้หมายความถึงแค่รับสินบนโกงเงินอย่างเดียว แต่การยึดอำนาจคือการทุจริตอย่างหนึ่งที่เลวร้ายที่สุด เมื่อยึดอำนาจแล้วมาปกครองก็นำไปสู่การทุจริตในวงรัฐบาล วงราชการ ทุกกระทรวงทบวงกรม ชัดเจนที่สุดคือจับเงินสินบนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ในขณะที่รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีกลับเงียบและไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการอะไร จนบัดนี้ ปล่อยให้เงียบและคิดว่าคนไทยจะลืม ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่จัดการอะไร มองเป็นอื่นไม่ได้คือการช่วยเหลือกันและปฏิเสธไม่ได้ว่าเหมือนช่วยกันทุจริตอย่างไม่มีความละอาย”
จาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ระบุว่าทุกวันนี้คนไทยทั้งประเทศพร้อมแล้วกับการเลือกตั้ง “วันนี้พี่น้องประชาชนตื่นตัวกันมาก เลือกตั้งซ่อมที่กรุงเทพฯ เพื่อไทยชนะ การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่กาฬสินธุ์และร้อยเอ็ด เพื่อไทยก็ชนะถล่มถลาย กระแสแรงกว่าอดีตที่ผ่านมา ดังนั้น ขอชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมมือกันยกจังหวัดทั้งร้อยเอ็ด แลนด์สไลด์ทั้งร้อยเอ็ดให้ยิ่งกว่าตอนเลือกนายก อบจ. แลนด์สไลด์ทั้งอีสาน ร่วมกับประชาชนทั้งประเทศเปลี่ยนรัฐบาล แล้วเราจะไปแก้ปัญหาของประเทศทำให้บ้านเมืองนี้เป็นประชาธิปไตยเหมือนอย่างที่ชาวร้อยเอ็ดได้ต่อสู้มาตลอด”
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า “พรรคเพื่อไทย ไม่จับมือกับใคร” พร้อมระบุว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นรัฐบาล เหลือเพียงประชาชนใช้ปลายปากกา เอา พล.อ.ประยุทธ์ออกไปในวันเลือกตั้ง โดยการเข้าคูหากาเพื่อไทยให้แลนสไลด์ยกจังหวัด
จากนั้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่าคู่แข่งพรรคเพื่อไทยมักวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทยใช้แต่เงิน พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีรากฐานความคิดนโยบายมาจากการเข้าใจปัญหาของพี่น้อง ทุกนโยบายยืนบนหลักคิดว่าทำอย่างไรให้พี่น้องมีอาชีพ ทำอย่างไรให้พี่น้องมีโอกาส มีสวัสดิการยามเจ็บป่วย นโยบายเพื่อไทยจึงมีเป้าหมายในการสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และสร้างคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการโอท็อป โครงการกองทุนหมู่บ้าน เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยให้ คือการให้คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน ไม่ใช่การแจกเงิน แม้กระทั่งวันนี้ วันที่สินค้าเกษตรตกต่ำ พี่น้องเกษตรกรขายผลผลิตไม่ได้ราคา มีหนี้สินมหาศาล พรรคเพื่อไทยมีนโยบาย พักหนี้เกษตรกร 3 ปีทันที พักทั้งต้นทั้งดอก รอให้พี่น้องฟื้นตัวมีรายได้ค่อยมาชำระหนี้ เรามีนโยบายที่เข้าไปอยู่ในหัวใจเพราะเรารู้ว่าพี่น้องเกษตรกรเหนื่อยจากราคาสินค้าตกต่ำ เราจะมาทำให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น พี่น้องมีรายได้ขึ้นอีกครั้ง
ต่อมา แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ย้ำสโลแกน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ พร้อมบอกเล่าว่า เพื่อไทยพูดจริง ทำจริงแน่นอน ตั้งยังเป็นพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน จนวันนี้เป็นพรรคเพื่อไทยแล้ว การทำนโยบายโดยมีพี่น้องเป็นหัวใจสำคัญคือสิ่งที่เหนือสิ่งอื่นใด โดยในการเลือกตั้งครั้งถัดไป พรรคเพื่อไทยจะสานต่อและพัฒนาโครงการต่างๆ ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พักหนี้เกษตรกร 3 ปี, โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เกษตรกรจะได้พักหนี้อีกครั้ง โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค จะใช้ได้ทั่วประเทศผ่านบัตรประชาชนใบเดียว กระจายงบให้ทุกหมู่บ้านทั่วไทยและละลายค่าแรงขั้นต่ำแช่แข็งให้ขึ้นเป็น 600 บาท ได้แน่นอน เพราะพรรคเพื่อไทย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’
ส่วนก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทยจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นรากร นาเมืองรักษ์ นิรันดร์ นาเมืองรักษ์ และนิรมิต สุจารี ส.ส.ร้อยเอ็ด ในฐานะเจ้าของพื้นที่ นำปราศรัยย่อยจุดแรกของ จ.ร้อยเอ็ด
โดย แพทองธาร ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้ดีใจที่ได้กลับมาที่ จ.ร้อยเอ็ดอีกครั้ง ขอบคุณมากๆสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น ขอบคุณครั้งที่แล้วที่เลือก เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ เป็นนายกอบจ.ร้อยเอ็ด อย่างถล่มทลาย และการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ หากพี่น้องเลือกพรรคเพื่อไทยเข้าไปทำงาน เรามั่นใจว่า เราทำงานหนักอย่างแน่นอน วันนี้จึงมาขอโอกาสมาทำโครงการดีๆ นโยบายดีๆให้พี่น้องประชาชน เราอยากทำให้พี่น้องประชาชนหายจน 17 ปีที่ผ่านมาเราเสียดายโอกาสในการพัฒนาประเทศจากการที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกรัฐประหาร สิ่งนี้ฝังอยู่ในใจของตนมาโดยตลอด เจตนารมณ์ของคุณพ่อถูกส่งตั้งแต่ไทยรักไทยมาจนถึงเพื่อไทยในวันนี้ และตนเข้ามาทำงานโดยใช้ทีมงานชุดเดิมที่มีความพร้อม ความรู้ และความสามารถในการทำงานเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนให้พ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจ หมดเวลาแล้วสำหรับความลำบาก ถึงเวลาแล้วสำหรับความกินดีอยู่ดีของพี่น้องชาวอีสาน เราต้องมีศักดิ์ศรี และมีอนาคตที่ดีส่งต่อให้ลูกหลาน