นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ก.ค.2563ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประเทศไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทั้งสองประเทศได้มีการลงนามในพิธีสารฯ ซึ่งกำหนดให้ผลไม้ไทยที่ส่งออกไปจีน ใช้เส้นทางจากด่านมุกดาหารเข้าสู่จีนตอนใต้ที่ด่านโหย่วอี้กว่าน เมืองผิงเสียง เขตปกครองตนเองกวางซีจ้วง (เส้นทาง R9) และกำหนดเส้นทางขนส่งผลไม้จากไทยไปจีนและจากจีนมายังไทยผ่านด่านเชียงของ และด่านโม่หาน มณฑลยูนาน (เส้นทาง R3) รวมทั้งการกำหนดมาตรการกักกันโรคและตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง
แต่ด้วยปัจจุบันไทยส่งออกผลไม้ไปจีนในปริมาณมาก โดยเฉพาะในฤดูกาลผลไม้ของไทย ประกอบกับด่านที่จีนอนุญาตให้นำเข้ามีจำกัด ส่งผลให้เกิดปัญหารถติดสะสมหน้าด่านนำเข้า สร้างความเสียหายต่อคุณภาพและราคาของผลไม้ไทย ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ จึงได้เร่งเจรจาผลักดันให้จีน เปิดด่านนำเข้าผลไม้และเส้นทางในการขนส่งผลไม้จากไทยเพิ่มเติม และฝ่ายจีนก็ได้เห็นชอบแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการลงนามในพิธีสารฉบับใหม่ ซึ่งมีเนื้อหาไม่แตกต่างจากที่ได้เคยลงนามมาแล้วเมื่อปี 2552 และ 2554 แต่ได้ระบุ ให้ฝ่ายจีนเพิ่มด่านนำเข้าผลไม้จากไทย รวมทั้งอนุญาตให้ฝ่ายไทยใช้เส้นทางใดก็ได้ในการขนส่งผลไม้จากไทยไปจีนเพื่อแก้ปัญหาการขนส่งและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ส่งออกของไทย
ทั้งนี้ พิธีสารฯ ประกอบด้วยสาระสำคัญ ดังนี้
1. ผลไม้ที่นำเข้าและส่งออกของทั้งสองฝ่ายจะต้องเป็นผลไม้ที่ได้รับอนุญาตระหว่างกันโดยจะต้องจัดส่งข้อมูลทะเบียนรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนของแต่ละฝ่าย
2. ผลไม้ต้องได้รับการบรรจุในผลิตภัณฑ์ใหม่สะอาดและอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์หรือตู้ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่ง
3. ก่อนการส่งออกต้องมีการสุ่มเก็บตัวอย่างของผลไม้เพื่อตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยเมื่อสินค้าเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด
4. ห้ามมิให้มีการเปิดตู้ผลไม้ระหว่างการขนส่งผ่านประเทศที่สาม
5. ด่านนำเข้าและส่งออกของจีน: โหย่วอี้กว่าน โม่หาน ตงซิง สถานีรถไฟผิงเสียง
6. ด่านนำเข้าและส่งออกของไทย: เชียงของ มุกดาหาร นครพนม บ้านผักกาด (จ.จันทบุรี) บึงกาฬ
อย่างไรก็ดี การจัดทำพิธีสารฯ ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย เนื่องจากจะทำให้ไทยสามารถส่งออกผลไม้ ซึ่งเป็นผลไม้เมืองร้อนที่เน่าเสียง่าย ไปยังจีนโดยเส้นทางบกผ่านประเทศที่สามได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่ผลไม้ที่ไทยนำเข้าจากจีนเป็นผลไม้ที่เก็บรักษาได้นานจึงใช้การขนส่งโดยทางเรือเป็นหลัก เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน ผ่านด่านโหย่วอี้กว่าน พบว่า มีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณ 52,005 ตัน มูลค่า 1,921 ล้านบาท ในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 580,764 ตัน มูลค่า 28,220 ล้านบาท ในปี 2562 คาดว่าจะมีการลงนามหลังจากผ่านช่วงโควิด-19 แต่ขณะนี้ทางการจีนได้อนุโลมให้ไทยทำการขนส่งผลไม้ได้ตามข้อตกลงใหม่ ไปพลางก่อนแล้ว
นอกจากนี้ ในกรณีที่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งสองฝ่ายสามารถหารือและปรับแก้ไขข้อกำหนดตามพิธีสารฉบับนี้ได้ โดยพิธีสารฉบับนี้มีผลบังคับใช้ทันทีที่มีการลงนามและมีผลต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี และจะต่ออายุต่อไปอีก 3 ปี โดยอัตโนมัติ จนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะมีจดหมายแจ้งความประสงค์ที่จะยกเลิกพิธีสารฉบับนี้ให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบไม่น้อยกว่า 6 เดือนล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุ