20 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเวสเทกซัสฯ ส่งมอบล่วงหน้า หรือ WTI ( West Texas Intermediate) กำหนดเดือน พ.ค.ตกลงมากกว่าร้อยละ 100 หรือไปปิดตัวที่ราคาขายติดลบ 37.63 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,227 บาท ซึ่งตามทฤษฏีหมายความว่า ผู้ขายจะต้องจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้กับผู้ซื้อเพื่อระบายน้ำมันซึ่งครั้งหนึ้งเคยถูกเรียกว่า 'ทองสีดำ' จำนวน 1 บาร์เรลออกไปจากโรงเก็บของตนเอง
ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเวสเทกซัสฯ ส่งมอบล่วงหน้า ถูกใช้เป็นมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันดิบในสหรัฐฯ รวมไปถึงจากฝั่งสวิตเซอร์แลนด์และญี่ปุ่นมาโดยตลอด และแม้จะผ่านวิกฤตมาหลายครั้งก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ตลาดจะกลับหัวกลับหางเปลี่ยนฝั่งมาติดลบขนาดนี้ ทั้งๆ ที่พยายามยื้อราคากันอย่างเต็มที่แล้ว
'ตง คิง' นักลงทุนในกองทุนที่มีการป้องกันความเสี่ยง (เฮดจ์ฟันด์) และผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ (Merchant Commodity Fund) สะท้อนอย่างตรงไปตรงมาว่า "วันนี้เป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในอุตสาหกรรมน้ำมันโลก"
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบเวสเทกซัสฯ ส่งมอบล่วงหน้า ณ เวลา 21.54 น.ของประเทศในฝั่งตะวันตก (EDT) ซึ่งช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 11 ชั่วโมง หรือตรงกับเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นไทย พบว่า ราคากลับขึ้นมาเป็นบวกที่ 39.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล หรือประมาณ 1,279 บาท ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้มากกว่าร้อยละ 104.31
ก่อนราคาน้ำมันโลกจะเดินทางมาถึงจุดตกต่ำขนาดนี้ ประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่เคยขัดแย้งกันก็มานั่งโต๊ะร่วมเจรจาเพื่อปรับลดกำลังการผลิตลงแล้วกว่าร้อยละ 10 ของกำลังการผลิตทั่วโลก/วัน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวดูจะไม่สร้างการเปลี่ยนแปลงตามที่หวังกันเอาไว้ และหากจะโทษตัวการสำคัญก็คงหนีไม่พ้นวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้น้ำมันดิบกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นของโลกใบนี้อย่างที่เคยเป็นมา
โควิด-19 ไม่ได้ทำร้ายแค่สุขภาพของประชาชน แต่ยังทำลายและบั่นทอนภาคธุรกิจอีกมหาศาลที่ใช้น้ำมันดิบเป็นแรงขับเคลื่อน อาทิ อุตสาหกรรมการบิน ท่ามกลางการปิดเมืองหรือมาตรการล็อคดาวน์ที่ยังบังคับใช้ในหลายประเทศทั่วโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อุปสงค์การใช้น้ำมันในเดือน พ.ค.ที่จะถึงนี้จะลดต่ำลง
'กิแอนนา เบิร์น' นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอเทรอดาม ยังคงแสดงความกังวลไปถึงราคาน้ำมันดิบเวสเทกซัสฯ ที่จะส่งมอบในเดือน มิ.ย.และ ก.ค.ว่าจะคงที่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะความต้องการน้ำมันจากภาคขนส่งมวลชนยังไม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเลยด้วยซ้ำ
"ฉันมองเห็นราคา WTI เดือน มิ.ย.อ่อนแอ ในอนาคตที่จะมาถึง" กิแอนนา กล่าว
ขณะที่ 'อาบิ ราเจนเดรน' จากภาควิชานโยบายพลังงานโลก มหาวิยาลัยโคลัมเบีย ทวีตในทวิตเตอร์ส่วนตัวสะท้อนความเห็นใน 2 ประเด็น ได้แก่
ผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้หยุดอยู่แค่บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ของโลกอาทิ เอ็กซอนโมบิล, รอยัลดัตช์เชลล์ หรือ ฮัลลิเบอร์ตัน ที่ออกมาประกาศขาดทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 32,600 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2563 ต่างพากันปรับแผนธุรกิจเน้นเก็บเงินสดเป็นหลักแทน แต่ยังหมายถึงประเทศที่ทรงอำนาจขึ้นมาจากน้ำมันอย่าง ซาอุดีอาระเบีย และ รัสเซีย ที่อาจต้องบอกลาความรุ่งโรจน์ในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมานี้ทิ้งไป
อ้างอิง; Bloomberg, WSJ, WP, CNBC, Oil Price
ข่าวที่เกี่ยวข้อง;