เวลา 20.20 น. วันที่ 12 ก.ย. 2564 อนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์จากคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ของรีพอร์ตเตอร์ว่า ลงมาสังเกตการณ์ในพื้นที่ พร้อมระบุว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้เป็นแนวทางที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ ไม่ได้อยู่ภายใต้การชี้นำของกลุ่มใด คล้ายเป็น "ลูกกำพร้า" แต่มันสร้างแรงกระเพื่อมมากเหมือนกัน ทำให้กลุ่มต่างๆ ต้องลงมาดู มาหารือกับพวกเขามากขึ้น ว่ากัว่า วันนี้สื่อต่างประเทศมาเยอะเป็นพิเศษด้วย
อนุสรณ์ระบุว่า การใช้ คฝ.รับมือผู้ชุมนุมมีอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีที่แล้ว 16 ต.ค.2563 แต่ระยะหลัง มาตรการที่รุนแรงขึ้นสั มพันธ์กับการมองของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นคนชั้นกลางระดับล่าง อาชีวะ คนไม่ได้เรียนหนังสือ ซึ่งอาจไม่ได้อยู่ในสายตาของสังคม อาจมีวิธีคิดแบบนี้อยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่ด้วย ทำให้วิธีการรับมือกับกลุ่มนี้จึงไม่ค่อยมีการเจรจาและค่อนข้างจะหนักมือ ดังน้ันจะต้องทำยังไงที่จะประคับประคองให้เด็กกำพร้าที่เกิดขึ้นมาแล้วจะได้มีชีวิตอยู่ต่อและยังประโยชน์ให้กับการเปลี่ยนแปลงได้
อนุสรณ์ ระบุว่า การชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงนั้นไม่ได้จัดองค์กร ไม่มีแกนนำ จะไปชี้ให้ทำตามยังไงก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นในระยะยาว มันเหนื่อยเหมือนกันสำหรับผู้ชุุมนุมเอง ถูกจับกุมเรื่อยๆ ก็ย่อมลดกำลังลง จึงต้องคิดถึงเป้าหมายในระยะยาว ในแง่นี้กลุ่มเคลื่อนไหวที่อาจมีองค์กรที่ชัดเจนอาจมาพูดคุยกับกลุ่มที่เขาแสดงออกในลักษณะเช่นนี้มากขึ้น
"ปีที่ผ่านมาไม่บรรลุข้อเรียกร้องสักข้อเดียว กลุ่มคาร์ม็อบ แม้ดูเป็นขบวนใหญ่แต่ก็ไม่อาจก่อความระคายเคืองกับรัฐบาลได้ เขาเลยอาจคิดเส้นทางของเขาขึ้นมาและมันตอบต่อธรรมชาติของพวกเขาได้ค่อนข้างจะดีกว่า" อนุสรณ์ ระบุ
นักวิชาการจาก ม.ธรรมศาสตร์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ก็คงมองเห็นว่าวิธีการที่กลุ่มวัยรุ่นใช้ยังไม่มีอาวุธหนัก การบาดเจ็บล้มตายยังไม่ได้มาจากอาวุธ รัฐเองจึงต้องคำนึงถึงความได้สัดส่วนของมาตรการที่ใช้ด้วย ไม่ใช่ปราบไม่จบเสียทีเลยจะจัดหนักขึ้น ต้องคิดด้วยว่า ทำไมจึงไม่จบ อย่าเอาความกังวลว่าเดือนเศษแล้วยังจัดการไม่ได้ แล้วจะปฏิบัติการแรงขึ้น ควรคิดว่าควรจะจัดการยังไง จับตั้งเยอะทำไมไม่จบเสียที
"บางที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อาจคือกุญแจสำคัญที่สุด พล.อ.ประยุทธ์มาคุยกับเด็กๆ เหล่านี้ได้ไหม ถ้าออกจะแก้ยังไง ถ้าไม่ออกจะมีทางอื่นไหม มันยังไม่เคยมีการส่งสัญญาณใดๆ จากรัฐบาล มาถึงยุคนี้แล้วผู้นำต้องเปิดใจให้กว้างและปรับตัว อย่างคิดว่าจะปราบแล้วหายไปได้ ความรู้สึกนึกคิดนี้เป็นของบุคสมัยไปแล้ว มันขยายตัวกว้างในช่วงวัยหนึ่ง และพวกเขาเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ถ้าไม่คุยกับพวกเขาวันนี้จะอยู่ยังไง" อนุสรณ์ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง