นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัว ฟลุท ชินพรรธน์ กิติชัยวรางค์กูร นักแสดงเด็ก ที่ต้องสูญเสีย คุณพ่อ ธนันวัฒน์ กิติชัยวรางค์กูร วัย 55 ปี จากการประสบอุบัติเหตุล้มหัวฟาดพื้น เนื่องจากเส้นเลือดในสมองโป่งพอง ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดและรักษาตัวที่โรงพยาบาลร่วม 4 เดือน
ฟลุท ชินพรรธน์ กิติชัยวรางค์กูร วัย 18 ปี ต้องปรับตัวให้เข้มแข็ง จากเด็กน้อยของพ่อ ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยตลอด แทบจะ 24 ชั่วโมง ต้องกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัว ช่วยพี่ชายแบ่งเบาภาระ ฟลุท เล่าให้ฟังว่า “พ่อของผมเปรียบเหมือนทุกๆอย่าง ของฟลุทเลย เป็นทั้งเพื่อน ดูหนังก็ดูด้วยกัน เตะบอลก็เตะด้วยกัน ทำงานเขาก็ไปส่งไปรับ ไปเที่ยวก็พาไปด้วยกัน แทบจะอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่า เป็นทุกอย่างของฟลุท พ่อสอนเสมอขอให้เป็นคนดีทำในสิ่งที่ชอบที่รัก และไม่จำเป็นจะต้องเป็นอะไรในแบบที่ทุกคนอยากให้เราเป็น ขอให้เราเป็นในสิ่งที่เราอยากเป็นและมีความสุขก็พอ พ่อไม่เคยคาดหวังให้ผมเป็นนักแสดงนักร้อง เขาถามประจำว่ามีความสุขไหม ถ้าไม่มีความสุข เราจะเลิกกันตอนนี้เลยก็ได้นะ เลิกเป็นเลยไม่เป็นไร ไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นเลย แต่โอเค พวกเราในบ้านทุกคน ชอบที่จะทำงานตรงนี้ครับ มันก็เลยไม่ได้อะไร แต่ทุกๆ อย่างที่ผมทำในชีวิต พ่อจะถามว่า ชอบไหม ไม่ชอบก็ไม่ต้องทำ ไม่ต้องสนใจไม่ต้องแคร์ เพราะฉะนั้นความคาดหวังของพ่อผม ที่อยากให้ผมเป็นอะไรไม่มีครับ เขาแค่อยากให้ผมมีความสุขในสิ่งที่ทำเท่านั้นจริงๆ”
แม้จะมีเวลาทำใจไว้บ้าง กับอาการป่วยของคุณพ่อ แต่ช่วงเวลา 4 เดือน ที่คุณพ่อรักษาตัวที่โรงพยาบาล ฟลุท บอกว่า เป็นช่วงเวลาที่ทำใจลำบากที่สุดในชีวิต เพราะเฝ้าคอยปาฏิหาริย์ให้พ่อกลับมาเหมือนเดิมอยู่เสมอ
“ช่วง 4 เดือนที่ดูแลคุณพ่อ เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างทำใจยาก เพราะว่า 4 เดือนนั้น เราก็ไม่มีพ่อเหมือนกัน แต่ว่าก็มีความหวังเล็กๆ ที่เขายังนอนอยู่โรงพยาบาล แล้วเราหวังว่า เขาจะฟื้นขึ้นมาในสักวันหนึ่ง แต่แค่ตอนนี้ไม่มีความหวังนั้นอยู่แล้ว
วันสุดท้าย ผมได้มอบเพลงพิเศษให้คุณพ่อ จริงๆ ผมก็แต่งเพลงให้พ่อเป็นปกติ เพลงนี้ตอนที่แต่ง คุณพ่อยังแข็งแรง ไม่ป่วย แต่ว่ายังแต่งไม่จบ เพิ่งร้องให้เขาฟังได้แค่ท่อนเดียว จนวันหนึ่งเขาป่วย ระหว่างที่พ่อรักษาตัว ฟลุทก็เลยเอาเพลงนี้มาแต่งต่อให้เสร็จ ก็เลยเป็นเพลงที่ผมตั้งใจและอยากมอบให้พ่อ จากเนื้อเพลงหวังว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา แต่ว่าไม่มีปาฏิหาริย์นั้น”
จริงๆมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับฟลุทมากๆ แต่พ่อก็เตรียมความพร้อมให้ฟลุท และลูกๆตลอด เขาจะสอนตลอดว่า เราไม่รู้นะว่าเราจะได้ใช้ชีวิตไปถึงวันไหน หรือว่าพรุ่งนี้พ่ออาจจะตายก็ได้ หรือจะเป็นอะไรก็ได้ ฉะนั้นพ่อจะสอนให้พวกเราทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และวันไหนที่พ่อไม่อยู่แล้ว อยากให้ลูกไม่เศร้า อยากให้ทำเหมือนเป็นวันวันหนึ่ง เขาไม่ได้อยากจัดงานศพด้วยซ้ำ ปล่อยไปเลย พ่อเคยบอกว่าถ้าเกิดเขาเป็นอะไร ให้ฉีดยาเขาตายตั้งแต่วันแรกเลย เขาไม่อยากให้ครอบครัวมาเสียเงินให้เขา แต่พวกเราลูกๆ ก็ขอยอมทำทุกวิถีทาง เพื่อให้เขากลับมา
จริงๆพวกเราก็ไม่ได้ทำตามที่เขาขอไว้ ผมก็ได้ทำในส่วนที่ว่า จะเข้มแข็ง และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วก็ทำในสิ่งที่พ่อเคยทำไว้ให้ดีที่สุด และทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุขที่สุด ตอนนี้ ผมกับพี่ต้องคอยดูแลครอบครัว เราจะนำกันบ้างเรื่อง ตอนนี้เวลาไปกองถ่าย ไปทำงาน ผมก็ต้องขับรถไปทำงานเอง โชคดีมีพี่ทรัมเปต ที่โตกว่าผมคอยช่วยดูแล ก็กลายเป็น 2 เสาหลักที่ดูแลครอบครัว เพราะน้องเทมโป ก็ยังเด็กมากๆ ส่วนแม่ก็อยู่กับพ่อมา 40 ปี ตอนนี้เขาค่อนข้างอารมณ์อ่อนไหวมากๆ ผมกับพี่ก็ต้องช่วยกัน 2 คน
ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล 4 ล้านกว่าบาท เพิ่งจ่ายไปได้เพียงส่วนหนึ่ง มันก็เยอะมากๆ บ้านผมก็ไม่ได้ร่ำรวย แต่สิ่งที่ทำได้ เรามีคนรอบข้างที่ดี หลายคนยื่นมือช่วยเหลือ ไม่ได้ช่วยด้วยเงิน แต่ให้โอกาส หางานให้ ก็มีงานเข้ามา ซึ่งสามารถนำเงินมาจ่ายค่าโรงพยาบาลได้จำนวนหนึ่ง เราต้องผ่อนจ่าย เราไม่มีเงินมาจ่ายได้ทีเดียว ผมไม่มีเงินผมบอกตามตรง ผมก็พยายามทำงาน หาเงิน มาจ่ายค่าใช้จ่ายตรงนี้และดูแลครอบครัว
"ตอนนี้ผมขอโอกาส อยากได้งาน เพื่อนำเงินไปจ่ายค่ารักษาของคุณพ่อ รับงานเต็มที่ และตั้งใจทำงานเพื่อดูแลครอบครัว"
ผลงานตอนนี้ ผมมี ละคร วัยแสบสาแหรกขาด 2 ละครเรื่องนี้ผม เล่นเป็น ใบพัด เด็กออทิสติก ผมตั้งใจเล่นเพื่อพ่อเลยนะ เป็นละครที่พ่ออยากดูมากๆ ผมอยากเล่นแล้วเอารางวัลมาให้เขาดู ทุกครั้งที่ไปกอง เขาไม่ได้ไปดูผมหน้าฉากเลย เขาบอกว่า เขาจะรอดูตอนออกอากาศ เขาจะถาม "เฮ้ย วันนี้เล่นเป็นไง มีใครชมไหม" แต่ว่าเขาก็ไม่มีโอกาสได้ดู ผมก็หวังว่าเขาจะได้รู้เรื่องราว และดูจากบนฟ้าบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ยังมีครอบครัวที่คอยรอดูความสำเร็จของผมอยู่ ผมเล่นละครมาเยอะไม่เคยได้รางวัลเลย และเรื่องนี้เป็นบทบาทที่ดีมากๆ ผมเลยตั้งใจแสดง เพื่อหวังให้พ่อได้เห็นความสำเร็จของผมสักครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้อยู่เห็นตั้งแต่วันแรกที่ออกอากาศเลย
ส่วนผลงานอื่นๆ กำลังรอละครทางช่อง 3 และตั้งใจทำเพลง ที่ผมทำก่อนหน้านี้ โดยผมจะเอาเพลงที่ผมแต่งให้พ่อ ไปทำให้สำเร็จ เพื่อให้ทุกคนได้ฟัง จริงๆพ่อเป็นโปรดิวเซอร์หลักในงานเพลงของผมเลยนะครับ ซึ่งความฝันลึกๆของพ่อก็อยากให้ลูกๆ เป็นนักดนตรีเหมือนเขา ซึ่งผมตั้งใจจะทำความฝันพ่อให้สำเร็จด้วย
ผมไม่เคยเสียดายแม้แต่นิดเดียว ที่ไม่เคยพูดอะไรกับพ่อ หรือทำอะไรกับพ่อ ตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ เราได้ทำทุกอย่าง อย่างเต็มที่ เรารักกันมากๆ ไม่เคยมีสิ่งไหนที่เราไม่เคยพูดต่อกัน หรือไม่ทำให้กัน ผมทำหน้าที่ลูกที่ดีที่สุดแล้ว และเขาก็ทำหน้าที่พ่อที่ดีที่สุดเช่นกัน สิ่งที่ผมเหมือนพ่อที่สุด คือ ผมรักครอบครัวเหมือนพ่อ ครอบครัวเรารักกันมากๆ พ่อสอนไว้ว่า ให้เรารักครอบครัวและดูแลครอบครัวเราให้ดีที่สุด
สำหรับพิธีสวดอภิธรรม คุณพ่อธนันวัฒน์ กิติชัยวรางค์กูร จัดขึ้นที่ ศาลาบุพการีอนุสรณ์ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ระหว่างวันที่ 8-10 พ.ค. และประชุมเพลิงในวันที่ 12 พ.ค.นี้